สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงรุนแรง จนหลายบ้านต้องพักอาศัยอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุอยู่ร่วมกัน ก็ยิ่งทำให้มีความกังวัลการติดเชื้อ เพิ่มสูงขึ้นตามมาด้วย เนื่องจากกลุ่มเด็ก และผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด
โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ลูกหลานมักจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเด็กเล็ก เนื่องจากผู้สูงอายุบางคนจะมีโรคประจำตัวอย่าง ความดัน เบาหวาน หัวใจ จึงทำให้อาจติดเชื้อได้ง่ายกว่า จึงยิ่งจำกัดพื้นที่ให้ผู้สูงอายุอยู่แต่ในบ้าน
ยลโฉม "บ้านพักผู้สูงอายุ" จากรัฐ พร้อมเปิดจองเริ่มต้น 1.8 ล้านบาท
กรมการแพทย์ แนะแนวทางดูแลสุขภาพกาย-ใจ ผู้สูงวัย รับมือโควิด-19
ซึ่งนั่นอาจนำมาสู่ภาวะถอถอยทางร่างกายและสมอง รวมไปถึงอาจทำให้ผู้สูงอายุเกิดความเครียด ดังนั้นเราจึงควรดูแลผู้สูงอายุ โดยยึดหลัก 5 อ. เพื่อให้ท่านไม่เครียดไปมากกว่านี้
อ. ที่ 1 คืออาหาร
ควรให้ท่านรับประทานอาหารที่สะอาดถูกสุขลักษณะ ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่รับประทานอาหารที่หวานหรือเค็มเกินไป เน้นอาหารที่มีโปรตีนสูงเสริมภูมิคุ้มกัน และควรรับประทานอาหารที่หลากหลายให้ครบ 5 หมู่
อ. ที่ 2 คือออกกำลังกาย
ชวนผู้สูงอายุออกกำลังกายด้วยท่าง่ายๆ เช่นการเดิน หรือแกว่งแขนออกกำลังกายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์และ 5 วัน วันละประมาณ 30 นาที หรือเท่าที่ทำได้ตามสภาพของผู้สูงอายุ
อ. ที่ 3 คืออารมณ์
หยุดรับข่าวสารที่มากเกินไป โดยอาจติดตามข้อมูลประมาณวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนเย็น หรือตอนกลางคืน เพื่อป้องกันภาวะวิตกกังวล จากการรับข่าวสารมากเกินไป
ปรึกษาผู้รู้ใจหรือไว้ใจได้ เช่น ครอบครัว ลูกหลาน ญาติ หรือเพื่อน เพื่อระบายความไม่สบายใจความกังวลและความกลัวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทำกิจกรรมที่ผู้สูงอายุชื่นชอบ มีความถนัด มีความภูมิใจ เช่นทำอาหาร เล่นดนตรี วาดรูป อ่านหนังสือ ซึ่งเรื่องนี้หัวใจสำคัญคือ ต้องรู้ก่อนว่าผู้สูงอายุในบ้านของเราชอบอะไรแล้วหากิจกรรมที่สอดคล้งกับที่ท่านชื่นชอบ
"สุขภาพจิตคนไทยและบุคลากรทางการแพทย์" ในวิกฤตโควิด-19
อ.ที่ 4 คือ เอนกายพักผ่อน
ผู้สูงอายุต้องพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนสำคัญมาก ควรให้นอนประมาณไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อให้พักผ่อนได้เต็มที่ยาวนาน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 - 9 ชั่วโมง / วัน
และอ. สุดท้าย อ. ที่ 5 คือ ออกห่างสังคมนอกบ้าน
ระหว่างมีการระบาดทั้งผู้สูงอายุ และผู้ดูแลควรเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านให้มากที่สุด รักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร และควรใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ที่เข้าไปพูดคุยกับผู้สูงอายุ
ถ้าทำได้ 5 อ. แบบนี้ ก็ช่วยทำให้ผู้สูงอายุของเรามีร่างกายที่แข็งแรงและไม่เครียดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันด้วย
ที่มา : กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์