อาการ "ไส้ติ่งอักเสบ" เป็นอาการปวดท้องรุนแรงเฉียบพลัน ที่สามารถพบได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยจะพบมากในช่วงอายุ 12 – 60 ปี โดยอาการแสดงระยะแรกของโรคนั้นมีความใกล้เคียงกับอาการปวดท้องเฉียบพลันอื่น ๆ แล้วเมื่อหยิบยาแก้ปวดมารับประทาน ก็มักทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคล่าช้า การพบแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่ระยะแรก ๆ และตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อแยกโรคจากอาการปวดท้องอื่น ๆ จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้วินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องและเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที
สาวปวดท้องคลื่นไส้ แพทย์ผงะ พบ “ถุงยางอนามัย” ในไส้ติ่ง
“ปวดหลัง” สัญญาณอันตรายที่ไม่ธรรมดา !!!
ไส้ติ่งเป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกาย มีลักษณะเป็นท่อตันที่แยกมาจากบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนต้น โดยตำแหน่งจะอยู่บริเวณท้องน้อยด้านขวา การอักเสบของไส้ติ่งเป็นผลมาจากการอุดตันของรูท่อไส้ติ่ง หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตัน เช่น อุจจาระที่แข็งตัว พยาธิ เนื้องอก
สำหรับวิธีสังเกต อาการปวดท้องหากเป็นไส้ติ่งอักเสบคือ
-คนที่เป็นจะมีอาการปวดท้องนานเกิน 6 ชั่วโมง ปวดบิดเป็นพัก ๆ รอบสะดือ เหมือนท้องเสีย แต่ถ่ายไม่ออก
- บางคนอาจมีไข้ต่ำ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- อาการปวดอาจย้ายไปเกิดที่ท้องน้อยด้านขวา ปวดแบบเสียดท้อง หากขยับตัวหรือไอ อาการปวดจะรุนแรง
- ถ้าเราลองเอามือกดช่องท้องด้านขวา แล้วปล่อยมืออย่างเร็ว จะรู้สึกปวดมากขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้ในการรักษาไส้ติ่งอักเสบจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อให้หายขาดจากโรค ซึ่งปัจจุบันการผ่าตัดผ่านกล้องค่อนข้างได้รับความนิยมมากขึ้น และเป็นวิธีการมาตรฐานในการรักษา เนื่องจากมีข้อดีกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลใหญ่ เช่น เห็นไส้ติ่งได้ชัดเจน ผู้ป่วยเจ็บแผลน้อยกว่า การฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น และลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด
ทั้งนี้หากเป็นไส้ติ่งอักเสบในระยะที่มีความรุนแรงคือ มีอาการอักเสบจนบวม เน่า และแตกกระจายทั่วท้อง การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องจะทำให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์มากขึ้น หลีกเลี่ยงการเปิดแผลใหญ่ หลีกเลี่ยงการปวดแผลและติดเชื้อหลังผ่าตัดได้ ในกรณีที่ไส้ติ่งเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นฝีหนอง แพทย์เฉพาะทางจะทำการวินิจฉัยด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT – Scan ก่อนจะทำความสะอาดภายในช่องท้องและระบายหนองจากฝีโดยใส่สายระบายเข้าไป เพื่อรักษาอาการติดเชื้อและลดความรุนแรง แล้วจึงทำการผ่าตัดผ่านกล้อง ช่วยไม่ให้ผู้ป่วยจำเป็นต้องตัดลำไส้ทิ้งไป ซึ่งความยากของการรักษาไส้ติ่งอักเสบขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความซับซ้อนของโรคเป็นสำคัญ
ที่มา
- คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ