“วันเบาหวานโลก” ดูแลให้ดี ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วจะต้องเมื่อไร


โดย PPTV Online

เผยแพร่




รู้จักโรคเบาหวาน ในวันเบาหวานโลก (World Diabetes) กับหลักสำคัญแห่งการดูแลสุขภาพ

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเบาหวานโลก โดยตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 2566 มีการตั้งประเด็นเกี่ยวกับวันเบาหวานโลก คือ ACCESS TO DIABETES CARE: การเข้าถึงการดูแลโรคเบาหวาน ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วจะต้องเมื่อไร ทั้งนี้ประชากรโลกมีแนวโน้มเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 เพิ่มขึ้น การรับประทานอาหารตามหลักโภชนา ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นหลักสำคัญในการอยู่ร่วมกับเบาหวานได้อย่างมีความสุข เพียงเราเริ่ม “ กิน อยู่ เป็น”  ให้เป็นกิจวัตร เริ่มวันนี้ พร้อมเปลี่ยนพรุ่งนี้ให้ดีขึ้น

ลดหวานลดพุง ทางออกหายป่วยโรคเบาหวาน

อึ้ง!  คนไทยอายุ  15 ปีขึ้นไป ป่วยเบาหวาน 4.8 ล้านคน

วันเบาหวานโลก World Diabetes เริ่มขึ้นเมื่อไร

วันเบาหวานโลก ถูกก่อตั้งขึ้นโดย สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ในปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534)  โดยคำนึงถึงอุบัติการณ์ของโรคเบาหวาน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก

สัญลักษณ์ เป็นวงกลมสีฟ้า โดย วงกลม สื่อถึงชีวิตและสุขภาพ ,สีฟ้า สื่อถึง ท้องฟ้า ซึ่งของทุกชาติจะเป็นหนึ่งเดียวกัน “วงกลมสีฟ้า” จึงหมายถึงการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของชุมชน ที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานเพื่อเผชิญกับภาวะเบาหวานทั่วโลก

โรคเบาหวาน คือ โรคที่เซลล์ร่างกายมีความผิดปกติในขบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน โดยขบวนการนี้เกี่ยวข้องกับอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากตับอ่อนเพื่อใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อน้ำตาลไม่ได้ถูกใช้จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าระดับปกติ

โรคเบาหวานแบ่งเป็น 4 ชนิด ตามสาเหตุของการเกิดโรค  

1.โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลายจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ขาดอินซูลิน มักพบในเด็ก

2.โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด ร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด เกิดจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน มักพบในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนร่วมด้วย  

3.โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ มักเกิดเมื่อไตรมาส 2-3 ของการตั้งครรภ์

4.โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ มีได้หลายสาเหตุ เช่น โรคทางพันธุกรรม โรคของตับอ่อน โรคทางต่อมไร้ท่อยาบางชนิด เป็นต้น

การวินิจฉัยเบาหวาน ทำได้โดยวิธีใดวิธีหนึ่งใน 4 วิธี ดังต่อไปนี้

1.มีอาการโรคเบาหวานชัดเจน ได้แก่ หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อยและปริมาณมาก น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่มีสาเหตุ ร่วมกับตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร ถ้ามีค่า ≥200 มก./ดล.

2.ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร (อย่างน้อย 8 ชั่วโมง) ≥ 126 มก./ดล. 

3.การตรวจความทนต่อกลูโคส โดยให้รับประทานกลูโคส 75 กรัม แล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่ 2 ชั่วโมง ถ้ามีค่า ≥ 200 มก./ดล.

4.การตรวจระดับน้ำตาลสะสม (A1C) ≥ 6.5% โดยวิธีการตรวจและห้องปฏิบัติการต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งยังมีน้อยในประเทศไทย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้

โรคเบาหวาน มีอาการอย่างไร

อาการหลักๆ ที่สื่อว่าคนๆ นั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน อาจรู้สึกหิวบ่อย ,กระหายน้ำ ,ปัสสาวะมีปริมาณมากและบ่อย อีกทั้งก็ยังมีอาการอื่นๆ ประกอบ

สัญญาณอันตราย โรคเบาหวาน
1.อ่อนเพลียง่าย ทั้งๆ ที่พักผ่อนเพียงพอ และไม่ได้ป่วยไข้
2.ผอมลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
3.ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
4.หิวน้ำมากกว่าปกติ (เพราะร่างกายสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อย)
5.ตาพร่ามัวลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
6.ปวดขา ปวดเข่า
7.ผิวหนังแห้ง และมีอาการคัน อาจจะคันตามตัว หรือคันบริเวณปากช่องคลอด
8.เป็นฝีตามตัวบ่อยๆ
9.อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย
10.แผลหายช้า ไม่แห้งสนิท หรือขึ้นสะเก็ดเสียที

อ้างอิง
theworldmedicalcenter.com

dmthai.org

TOP สุขภาพ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ