ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวปิดในแดนบวก หลังจากร่วงลงอย่างหนักในระหว่างการซื้อขาย โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงลึกกว่า 1,000 จุด ก่อนปิดแดนบวก ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ดาวโจนส์ร่วงกว่า 1,000 จุดแล้วสามารถฟื้นปิดแดนบวกได้
ดาวโจนส์ ปิดตลาด บวก 99.13 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 34,364.50 จุด ดัชนีแนสแด็ก(Nasdaq) บวก 86.21 จุด หรือ 0.6% ปิดที่ 13,855.13 จุด และ ดัชนี S&P 500 บวก 12.19 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 4,410.13 จุด
ไขปริศนา ทำไมตลาดหุ้น-คริปโทฯ กลายเป็นคู่หู "มาด้วยกัน ไปด้วยกัน"
หุ้นสหรัฐ-คริปโท ร่วง เป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่โควิด-19 ระบาด
เฟดยังไม่ปรับดอกเบี้ย ในการประชุม 25-26 ม.ค.นี้ แต่ส่งสัญญาณจะขยับขึ้น
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักถึง 3.25% และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 4.9% จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มคริปโทเคอร์เรนซี ส่วนราคาบิตคอยน์ ดิ่งลงกว่า 40% ตั้งต้นปี มูลค่าลดลงมากกว่าครึ่งตั้งแต่จุดสูงสุดในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างพยายามหาคำอธิบายความผันผวนที่เกิดขึ้น โดยมุ่งไปที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 25-26 ม.ค. ซึ่งจะรู้ผลการประชุมในวันที่ 27 ม.ค.ตามเวลาในประเทศไทย โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และปรับลดขนาดของงบดุล
แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวยืนแดนบวกได้ จากสัญญาณทางเทคนิค โดยมีแรงซื้อเข้ามา เมื่อคาดการณ์ว่าปรับลงในระดับต่ำสุดแล้ว จึงมีแรงไล่ซื้อหุ้นพื้นฐาน ซึ่งดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 1,000 จุด ดัชนีเข้าเขตการปรับฐาน เมื่อดัชนีปรับตัวลง 10% จากจุดสูงสุด
แรงซื้อหุ้น มีสัญญาณมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะค่อย ๆ ปรับดอกเบี้ยขึ้น จากเดิมที่คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปี ลดลงไปอยู่ที่ 1.735% จากระดับ 1.747% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีแรงซื้อพันธบัตร ทำให้ราคาปรับขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกับราคาปรับไปในทางตรงกันข้ามกัน
ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) ร่วงลงเกือบ 9% แตะจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยราคาบิตคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโทฯมูลค่ามากที่สุดในโลก ซื้อขายแถว ๆ ระดับ 33,058 ดอลลาร์ ต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. ร่วงลงกว่า 50% จากจุดสูงสุด 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย.