คาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 34.35-34.55 แนวโน้มแข็งค่า จากดอลลาร์อ่อน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




แนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้ มีทิศทางแข็งค่า คาดซื้อขายกรอบ 34.35-34.55 บาท/ดอลลาร์ นักลงทุนยังคงเทขายสินทรัพย์ต่อเนื่อง จากความกังวลวิกฤตเงินเฟ้อ และการเร่งขึ้นดอกเบี้นของเฟด

ราคาทองวันนี้ พุ่ง 100 บาท จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนรอบกว่า 2 เดือน

ดาวโจนส์ดิ่ง 1,164 จุด ตลาดตื่นเศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย

ค่าเงินบาทวันนี้ (20 พ.ค.65) มีแน้วโน้มแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ แต่หากตลาดยังไม่กลับมาเปิดรับความเสี่ยง เงินบาทก็ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนและอาจอ่อนค่าลงใกล้โซนแนวต้านก่อนหน้าในช่วง 34.70 บาทต่อดอลลาร์ได้

นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย มองว่า เงินบาทอาจพอได้รับแรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำบ้าง แต่หากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้กลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้น เงินบาทก็อาจไม่ได้แข็งค่าไปมาก

ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทอาจถูกจำกัดด้วยโฟลว์ธุรกรรมของบรรดาผู้นำเข้าที่ต่างรอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ในช่วง 34.40 บาทต่อดอลลาร์  โดยคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 34.35-34.55 บาท

โดยผู้เล่นในตลาดยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง กดดันให้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.58% ท่ามกลางความกังวลว่าปัญหาเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึง การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเพื่อคุมเงินเฟ้อก็อาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงและเสี่ยงที่จะเข้าสู่สภาวะถดถอย (Recession) ได้

นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯล่าสุด เช่น ดัชนีภาคการผลิตที่สำรวจโดยเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย (Philly Fed Manufacturing Index), ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Conference Board Leading Index) และ ยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ก็ต่างออกมาแย่กว่าคาด กดดันบรรยากาศในตลาดการเงินเพิ่มเติม

ด้านตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวลงต่อ -1.36% เช่นกัน ถูกกดดันจากความกังวลปัญหาเงินเฟ้อที่อาจกดดันให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันเศรษฐกิจยุโรปก็เผชิญความเสี่ยงที่อาจชะลอตัวลงมากขึ้น จากผลกระทบของปัญหาเงินเฟ้อที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หากยุโรปมีการคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย จนอาจส่งผลให้ราคาสินค้าพลังงานพุ่งสูงขึ้นรุนแรง

บัตรทองต้องรู้! อัปเดตสิทธิประโยชน์ผู้ป่วยปี 2565 รักษาฟรีที่ไหนบ้าง?

 

ด้านตลาดบอนด์ ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงและเลือกที่จะถือพันธบัตรรัฐบาลเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 2.84% สอดคล้องกับมุมมองที่คาดว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ Sideways และผู้เล่นในตลาดอาจเน้นเทรดในกรอบ (Buy on Dip and Sell on Rally) โดยคาดว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัวในกรอบ 2.75%-3.00%

ในช่วงนี้ แผนการทยอยลดงบดุลของเฟดที่จะเริ่มในเดือนมิถุนายน อาจช่วยหนุนไม่ให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงไปมากได้ ในขณะที่ภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาดก็อาจกดดันไม่ให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นไปมากได้เช่นกัน

 

ด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวลงสู่ระดับ 102.9 จุด นับเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยแม้ว่าตลาดจะยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงและยังคงต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ผู้เล่นบางส่วนก็อยากทยอยขายทำกำไรเงินดอลลาร์และกระจายความเสี่ยงการถือสินทรัพย์ปลอดภัยไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือ ค่าเงินเยนญี่ปุ่น เป็นต้น

ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด ได้หนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า การปรับตัวขึ้นราว 40 ดอลลาร์ จากโซนแนวรับก่อนหน้า อาจทำให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้

 

โดยวันนี้ตลาดประเมินว่า แม้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะทยอยฟื้นตัว แต่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในเดือนเมษายนอาจเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 2.5% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลของการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าพลังงานและผลของการปรับลดค่าบริการโทรศัพท์มือถือในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นยังคงไม่ได้มาจากความต้องการบริโภคที่สูงขึ้นเป็นหลัก ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป

ขณะที่จีน ตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) อาจยังคงต้องใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดย PBOC อาจปรับลด อัตราดอกเบี้ย MLF ประเภท 1 ปีลงในระยะสั้นนี้ ซึ่งแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของ PBOC อาจทำให้บรรดาธนาคารพาณิชย์ต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (LPR) โดยผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า PBOC จะประกาศ LPR (หลังรวบรวมจากบรรดาธนาคารพาณิชย์) ที่ลดลงสู่ระดับ 3.60% สำหรับ LPR 1 ปี และลดลงสู่ระดับ 4.55% สำหรับ LPR 5 ปี

สรุปเหรียญ ซีเกมส์ 2021 ล่าสุด ประจำวันจันทร์ที่ 23 พ.ค. 65

โปรแกรมถ่ายทอดสดซีเกมส์ 2021 นักกีฬาไทย ประจำวันศุกร์ที่ 20 พ.ค. 65

"โรคฝีดาษลิง" คืออะไร เผยอาการ วิธีการติดต่อ และการป้องกัน

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ