สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยุติ หุ้นกลุ่มไหนได้อานิสงค์


โดย PPTV Online

เผยแพร่




สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีน จากการตั้งกำแพงภาษี คาดการณ์ว่า ก.ค.นี้จะหมดอายุ จับตาหุ้นไทยดีดรับข่าว หลังพบสถิติดัชนีปรับขึ้นเฉลี่ย 10 % ต่อรอบ

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ กำลังพิจารณาลดความตึงเครียดของสงครามการค้ากับจีน หรือผ่อนผันกำแพงภาษีสินค้าจีนที่รัฐบาลโดนัลด์ทรัมป์ เคยตั้งไว้ เมื่อกลางปี 2561 ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง  ตลาดหุ้นอาจเกิดปรากฎการณ์ Reverse Trade War ขึ้นมาได้

ไทยส่งออกโต 9.9% ขณะที่ราคาพลังงาน ปุ๋ยโลก ทำไทยขาดดุลการค้าสูง

เปิดหุ้นไทย 4 กลุ่ม รับกระแสบวก ผ่อนคลายสงครามการค้า สหรัฐฯ - จีน

จากการศึกษาข้อมูลย้อนหลัง พบว่า ช่วงที่สหรัฐฯ เริ่มกำหนดกำแพงภาษีตั้งแต่รอบที่ 1 จนถึงรอบที่ 4 พบว่าในทุกๆ รอบ SET Index จะปรับตัวลดลงไปอย่างมีนัยสำคัญ รวมประมาณ  30%

ดังนั้น หากการยกเลิกกำแพงภาษีเกิดขึ้นได้จริง ก็น่าจะจะเห็นการดีดตัวกลับขึ้นมาได้ เฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยกำลังแสวงหาตัวช่วยเพื่อพยุงไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยมีการคาดาดการณ์ว่า การยกเลิกกำแพงภาษีจะหมดอายุลงใน 6 ก.ค. 65 นี้ 

หากย้อนรอยเหตุการณ์ในอดีตสหรัฐฯ เคยปรับเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าจากจีน ตั้งแต่ช่วงกลางๆ ปี 2018 และ มีการเพิ่มรายการสินค้าขึ้นมา 4 รอบ วงเงินรวมราวๆ 3.5 แสนล้านเหรียญ โดยทุกๆ รอบที่มีการประกาศขึ้นกำแพงภาษี มักจะกดดันให้ตลาดหุ้นโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยผันผวน และจากการทำการศึกษาความสัมพันธ์ของ Trade War กับตลาดหุ้นไทย พบว่า นักลงทุนให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มาก สะท้อนได้จากเวลาที่มีการตั้งกำแพงภาษีเพิ่มขึ้นในแต่ละรอบ SET Index มักจะปรับตัวลงแรงเสมอ 

“LINE MAN Wongnai” หนุน พนง.LGBTQ+ ให้สวัสดิการแต่งงาน 2 หมื่นบาท

ราคาทองวันนี้ ปิดตลาดขึ้น 100 บาท ตามต่างประเทศ-ค่าบาทอ่อน

จากข้อมูลจะพบว่า

  • การขึ้นภาษีรอบที่ 1 – 2 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ส่งต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. 61 โดยดัชนีปรับตัวลงเฉลี่ย -10.4%
  • ขณะที่การปรับขึ้นภาษีรอบที่ 3 วงเงิน 2.0 แสนล้านบาท ส่งต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ต.ค. - ธ.ค. 61 โดยดัชนีปรับลดลงเฉลี่ย -11%
  • และการขึ้นภาษีรอบที่ 4 วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ส่งต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ส.ค. - ธ.ค. 62  โดยดัชนี ปรับตัวลงเฉลี่ย -8.1%

สิ่งที่เกิดขึ้นจากการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐในทุกๆ รอบ จะพบว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบ โดยจะปรับลดลงเฉลี่ย ประมาณ 10% ต่อรอบ บริษทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส ระบุว่า หากดูเป็นราย Sector พบว่า 3  Sector ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ คือ กลุ่ม STEEL (เหล็ก และ ผลิตภัณฑ์โลหะ) ปรับตัวลง -16% และ กลุ่ม MEDIA (สื่อและสิ่งพิมพ์) -15% ตามมาด้วย กลุ่ม PKG (บรรจุภัณฑ์) -14%

แต่จะมีเพียงกลุ่มหุ้น Defensive (หุ้นที่มีมูลค่าและเงินปันผลคงที่) และ กลุ่มแบงก์ เท่านั้นที่ยังถือว่าไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว   (ช่วงนั้น Fed ขึ้นดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุล)

 

อย่างไรก็ตามหากว่า การยกเลิกกำแพงภาษี ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้กลุ่มที่จะด้รับผลดี  คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ โดยเฉพาะหุ้น  KCE, HANA และกลุ่มอาหาร  โดยเฉพาะหุ้น CPF TFG GFPT TVO รวมถึงกลุ่มยานยนต์ อย่างหุ้น SAT, STANLY 

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มแบงก์ ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากปัจจัยดังกล่าวด้วยเช่นกัน เนื่องจากคาดว่าการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามมา ในขณะที่ดอกเบี้ยก็อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยหุ้นที่ได้รับผลบวก เช่น BBL SCB KBANK

ที่มา : บริษทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส

ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”

โควิด 10 จังหวัดสูงสุด ปอดอักเสบต่ำกว่าพัน กทม. 1,986 ราย

TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ