“GULF” ผนึก “GUNKUL” ตั้งบริษัทร่วมทุน ผลิตพลังงานสะอาด 1,000 เมกะวัตต์
GULF ผนึก WHA ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป ในนิคมฯ
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส เผยบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF คาดกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ลดลง 46.1% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ได้รับแรงกดดันจากรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (Fx) ทั้งในส่วนของบริษัทใหญ่ขาดทุนราว 759.3 ล้านบาท และบริษัทร่วมขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และตราสารอนุพันธ์ราว 474.7 ล้านบาท
ทั้งนี้กำไรปกติไตรมาส 2/65 คาดว่าอ่อนตัวราว 5.9% จากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ 3.1 พันล้านบาท ปัจจัยหลักจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม BRK2 ผลิตไฟฟ้าได้ลดลงตามกระแสลมอ่อนตัวตามฤดูกาลในประเทศเยอรมนี แม้ว่าจะรับรู้รายได้จากขายไฟฟ้าของโครงการ GSRC phase 3 กำลังผลิต 463.8 เมกะวัตถ์ เข้ามาในไตรมาสแรกก็ตาม
ราคาทองวันนี้ ปิดตลาดบวก 100 บาท แนวโน้มไปต่อ คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยไม่มาก
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ไม่รวมกับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และตราสารอนุพันธ์ คาดว่าปรับลดลง 3.9% จากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท ผลจากกลุ่มโรงไฟฟ้า GJP ที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวจากตุ้นทุนเชื้อเพลิงแนวโน้มปรับสูงขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH คาดว่ายังทรงตัวใกล้เคียงระดับเดิมที่ 1.1 พันล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายการขายและการบริหาร (SG&A) เพิ่มขึ้น 7.9% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 595 ล้านบาท รับรู้จากการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้า GSRC phase 3
โดยก่อนหน้านี้ GULF ประกาศเข้าซื่อหุ้นสามัญเพิ่มทุนออกใหม่ 11.17 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 447.63 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 5 พันล้านบาทในบริษัท กัลฟ์ กันกุล คอร์เปอเรชั่น จำกัด (Gulf Gunkul Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เพื่อดำเนินแผนขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ภายหลังจากธุรกรรมแล้วเสร็จจะส่งผลให้ GULF และ GUNKUL ถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนดังกล่าวที่ 50:50
สำหรับการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะส่งผลให้ GUNKUL มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 85 ไฟฟ้าเมกะวัตต์ และสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้ง 3 โครงการของ Gulf Gunkul Corporation เข้ามาในงบการเงินได้ทันทีตั้งแต่ ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป ฝ่ายวิจัยคาดว่า ปี 65 รับรู้ส่วนแบ่งกำไรราว 351.4 ล้านบาท และในปี 66-69 อยู่ที่ราย 700-800 ล้านบาท ก่อนค่อย ๆ ทยอยลดลงเหลือ 200-300 ล้านบาท หลังจาก Adder หมดลงทุกโครงการ
ขณะที่ช่วงไตรมาส 3/65 ฝ่ายวิจัยฯ คาดการณ์กำไรยังปกติทรงตัวใกล้เคียงในระดับเดิมของไตรมาส 2/65 แม้มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม GULF GUNKUL เข้ามาไตรมาสแรก และอนิสงส์ปรับขึ้นค่า ft เดือน ก.ย.-ธ.ค. 65 แต่คาดจะถูกกดดันจากผลประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานลม BRK2 ที่ลดลงตามฤดูกาล อีกทั้งต้นทุนพลังงานก๊าซฯ แนวโน้มปรับเพิ่มสูง
แต่ยังมี Upside ส่วนเพิ่มจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ยังไม่ถูกรวมในประมาณการอีก 2 โครงการ ได้แก่ 1. Pak Beng ราว 1.5-2.5 บาท/หุ้น และ 2. Pak Lay ราว 1-2 บาท/หุ้น
“ซูซูกิ” อัดโปรฯแรง ขับฟรีสูงสุด 150 วัน
“กูเกิล” หนีไม่พ้น เงินเฟ้อ-เศรษฐกิจถดถอย กระทบอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์
