โครงการเปิดใหม่ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีหน่วยเปิดใหม่ราว 51,500 ยูนิต สูงขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับทั้งปีที่ผ่านมา
ราคาที่อยู่อาศัยพุ่ง รับ "ดอกเบี้ยขาขึ้น วัสดุแพง ราคาที่ดินปรับเพิ่ม"
อสังหาฯเชียงใหม่ครึ่งปีแรกโตสูงสุด สวนทาง "ท่องเที่ยว-เศรษฐกิจ"ซบ
- บ้านจัดสรร 21,500 ยูนิต
- คอนโดมิเนียม 30,500 ยูนิต
ซึ่งการตอบรับจากผู้บริโภคถ้าดูจากยอด Pre-sale พบว่า
- ทาวน์เฮ้าส์ ราคา 5-10 ล้านบาท Pre-sale 57.8%
- โดยบ้านแฝด ราคา 5-10 ล้านบาท ยอด Pre-sale 23.4%
รวมถึง
- บ้านเดี่ยวหรูระดับเดี่ยว ราคามากกว่า 20 ล้านบาท มียอด Pre-sale 18.9%
- คอนโดมิเนียม ที่ได้รับความนิยมสุดคือ ราคาไม่เกิน 3 ล้าน ยอด Pre-sale 37.4%
และถ้าไปดู 5 Top Developers ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัย มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 ในระดับที่สูงขึ้นจากปีก่อน เช่น AP ปี 2565 มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 60 โครงการ มูลค่า 75,000 ล้านบาท สูงขึ้นจาก 19 โครงการ 22,540 ล้านบาท ในปี 2564 และ SIRI ที่ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 46 โครงการ 50,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 15 โครงการ มูลค่าเกือบ 8,100 ล้านบาท
โดยหน่วยเปิดใหม่ที่สูงขึ้นในกลุ่มบ้านจัดสรรซึ่งโดยทั่วไปมักใช้ระยะเวลาก่อสร้างค่อนข้างเร็วที่ 6-12 เดือน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนให้มูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่เร่งขึ้นจากปีนี้ เช่นกัน
ผลประกอบการเริ่มฟื้นสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ส่วนใหญ่จากกลุ่มบ้านจัดสรร
ผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการในช่วงไตรมาส 1 Top 10 Developers ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีรายได้รวม 105,617 ล้านบาท ขยายตัว 3.9% ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19
รายได้ที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากที่อยู่อาศัยในกลุ่มบ้านจัดสรร เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ เนื่องจากยังคงเป็นประเภทของที่อยู่อาศัยที่มีขนาดและพื้นที่ที่ตอบโจทย์การ Work From Home ของผู้บริโภคในปัจจุบันได้มากกว่าคอนโดมิเนียม
โดยรายได้ในกลุ่มบ้านจัดสรรของผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวได้ดี เช่น AP ที่ขยายตัวถึง 21.5% เช่นเดียวกับ SC และ SPALI ที่ขยายตัว 11.7% และ 22.1%YoY ตามลำดับ
ส่วนการทำกำไร พบว่า Top 10 Developers มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยที่สูงขึ้นจากช่วงไตรมาส 1 ปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 12.9% ตามการทยอยลดความรุนแรงในการแข่งขันทำโปรโมชั่นทางการตลาดลง แต่กำไรยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19
คาดปีนี้เปิดใหม่แตะ 100,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม Krungthai COMPASS ประเมินมูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2565 มีมูลค่า 6.04 แสนล้านบาท ฟื้นตัว 3.3% ก่อนเร่งตัวขึ้นอีก 4.2% ในปี 2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย การกลับมาของกำลังซื้อต่างชาติ และ แนวโน้มที่ภาครัฐจะขยายมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ทั้งการผ่อนเกณฑ์ LTV และการลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนองไปอีก 1 ปี
แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทั้ง อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ต้นทุนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในช่วงปี 2565-66 ที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงจากราคาวัสดุก่อสร้าง ราคาที่ดิน
จึงคาดว่าปีนี้หน่วยเปิดใหม่จะสูงถึง 90,000-100,000 ยูนิต ทั้งบ้านจัดสรร (40,000-45,000 ยูนิต) คอนโดมิเนียม (50,000-55,000 ยูนิต)
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยต้องเร่งตุน Backlog ให้กับตนเองหลังจากช่วงการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-64 ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะรักษาสภาพคล่องด้วยวิธีการเน้นขายสต็อกเก่าที่สร้างเสร็จแล้ว และเลื่อนการเปิดโครงการใหม่ออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
