ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 38.14 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่า” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.12 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38.15-38.45 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทมีแนวต้านที่ 38.50 บาทต่อดอลลาร์
ตลาดการเงินทั่วโลก ยังเผชิญกับแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.นี้
ค่าเงินบาท เปิดตลาดกลับมาอ่อนค่า ตลาดผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ย "แรง"
ราคาทองวันนี้ ปรับ 6 ครั้ง ร่วง 150 บาท ผวาปัจจัยเดิม "ดอกเบี้ยเฟด"
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) โดยดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวผันผวนก่อนที่จะปิดตลาด ลดลง 0.80% ท่ามกลางแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง จากความกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่ล่าสุด รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ลดลงสู่ระดับ 214,000 ราย ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงออกมาสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งภาพดังกล่าวทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงกว่า 5.25% (จาก CME FedWatch Tool) และหนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พุ่งขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 4.23%
ทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่าเฟดอาจต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จนแตะระดับจุดสูงสุด หรือ Terminal Rate ไม่น้อยกว่า 5.25% ได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับ 4.23% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าบอนด์ยีลด์แกว่งตัวใกล้ระดับ 4.00%
การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวนั้น เป็นไปตามมุมมองของตลาดต่อระดับ Terminal Rate ของเฟด และมองว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักจนอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย จะยังคงสนับสนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในช่วงแรก ก่อนที่จะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังตลาดยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ยังมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลง ทดสอบโซนแนวต้านสำคัญก่อนหน้าที่ระดับ 38.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ โดยในช่วงนี้ แรงกดดันต่อเงินบาทยังคงมาจากแรงขายบอนด์ระยะยาวของไทยจากนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก็มีส่วนช่วยกดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่า
อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 38.50 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากระดับดังกล่าวอาจเห็นบรรดาผู้ส่งออกมาทยอยขายเงินดอลลาร์มากขึ้น ส่วนผู้เล่นในตลาดโดยเฉพาะผู้เล่นต่างชาติที่มีสถานะ short เงินบาทก็อาจทยอยขายทำกำไรสถานะ short เงินบาทในโซนดังกล่าวได้เช่นกัน อีกทั้งแรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มลดน้อยลง และเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยสุทธิ ซึ่งหากนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง ก็จะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ในระยะนี้
