SCB เผยไตรมาส 3/65 กำไรเพิ่มขึ้น 16.9% แตะ 10,309 ล้านบาท
KBANK กำไรพุ่ง 25.5% ไตรมาส3/65 แตะ 10,574 ล้านบาท
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไทยทั้ง 9 แห่ง ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิรวมทั้งหมด 53,369 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11,392 ล้านบาท หรือ +27.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564
ทั้งนี้ธนาคารที่มีกำไรสูงสุดในกลุ่มฯ ก็คือ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีกำไรเท่ากับ 10,574 ล้านบาท เติบโต +25.5% จากปีก่อน รองลงมา กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCB) มีกำไรเท่ากับ 10,051 ล้านบาท เติบโต +16.9% จากปีก่อน
BBL เผยไตรมาส 3/65 กำไร 7,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8%
TTB ไตรมาส 2 กำไรโต 35.7% ที่ 3,438 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมโต-สำรองลด
และถัดมาอันดับสาม ธนาคารกรุงไทย (KTB) มีกำไรเท่ากับ 8,450 ล้านบาท โดยเติบโตมากที่สุดในกลุ่มฯ +67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ธนาคารที่มีกำไรสุทธิน้อยสุดในกลุ่มฯ คือ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) มีกำไรสุทธิเท่ากับ 695 ล้านบาท และเป็นธนาคารแห่งเดียวที่มีกำไรลดลง -7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
TISCO ไตรมาส3/65 ธุรกิจสินเชื่อโต ดันกำไรพุ่ง 13.5% แตะ 1.77 พันล้านบาท
KKP ไตรมาส 3/65 กำไรโต 41% ที่ 2,083 ล้านบาท มองเศรษฐกิจไทยเสี่ยงสูง
ก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส หรือ ASPS ได้คาดการณ์กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 8 ธนาคาร อยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท เติบโต +27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามทิศทางของสินเชื่อที่เติบโต รวมถึงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่ชดเชยด้วยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอ่อนตัว
ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมคาดว่าจะประคองตัวอยู่ที่ได้จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง -2% จากปีก่อน หลังแนวโน้มค่าธรรมเนียมในตลาดทุนติดลบในอัตราที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร น่าจะฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
โดยสรุปในไตรมาส 3 ปี 65 ASPS ประเมินว่ามีกำไรสุทธิเติบโตทั้งกลุ่มฯจากปีก่อน เนื่องจาก ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้ สินเชื่อ (Credit Cost) ที่ปรับลดลง คาดไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 1.3% ลดลงจาก 1.6% ในไตรมาส 3/64
สำหรับในปี 2566 คาดการณ์กำไรสุทธิกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เท่ากับ 2.09 แสนล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อนหน้า มีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 ที่จะเติบโตราว 3.8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งหนุนด้วยภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ช่วยกระตุ้นความต้องการด้านสินเชื่อ และเป็นผลบวกต่อคุณภาพต่อสินทรัพย์ผ่านรายได้ของลูกหนี้ที่สูงขึ้น แม้ยังเห็นการฟื้นตัวไม่เท่าเทียมกันของลูกหนี้ในกลุ่มท่องเที่ยวบางส่วน แต่คาดหวังจะดีขึ้น หากจีนเริ่มผ่อนคลายนโยบายโควิด-19 (Zero COVID) ในปีหน้า รวมถึงมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว ถึงปี 2566 น่าจะช่วยให้ Credit Cost ลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย
