บทสรุป FTX ยักษ์กระดานเทรดล้ม วิกฤตใหญ่โลกคริปโทฯ อาจซ้ำรอย LUNA
3 เหตุผล คริปโทเคอร์เรนซี "ขาดคุณสมบัติของเงิน" ยากที่จะเข้าระบบธนาคาร
วันที่ 21 พ.ย. 2565 บิตคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากสุดในโลก ราคาร่วงลงมาแตะระดับ 15,879 ดอลลาร์ ใกล้กับจุดต่ำสุดในช่วง 5 เดือน ส่วนอีเธอเรียม สกุลเงินดิจิทัลอับดันสอง ราคาอยู่ที่ 1,134 ดอลลาร์ เข้าใกล้ระดับจุดต่ำสุดเมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา
โดยตลาดสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซี่ เคยได้รับความนิยมไปทั่วโลกถึงขีดสุดในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 สร้างความฮือให้กับเหล่านักลงทุนจนสร้างมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ในช่วง พ.ย. ปี 2564 ซึ่ง บิตคอย ราคาขณะนั้นอยู่ที่ 69,000 ดอลลาร์
กราฟแสดงความเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์ในช่วง 1 ปี
แต่หลังจากนั้นตลาดคริปโทฯ กลับถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยกดดันทั้งเหรียญ LUNA ที่ล่มสลาย ซึ่งสร้างผลกระทบต่อนักลงทุน และบริษัทด้านคริปโทฯหลายแห่งทั่วโลก
ซ้ำร้าย FTX ผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทฯรายใหญ่ของโลก เพิ่งประสบภาวะเงินขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนต้องยื่นล้มละลาย เงินลูกค้าสูญหายหลายพันล้านดอลลาร์ และล่าสุด FTX เปิดเผยระหว่างยื่นขอความคุ้มครองศาลล้มลายสหรัฐฯว่า บริษัทฯมีหนี้สินเกือบ 3,100 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.1 แสนล้านบาท โดยมีเจ้าหนี้รายใหญ่ราว 50 ราย
ด้านปีเตอร์ ชิฟฟ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และนักยุทธศาสตร์ระดับโลก ผู้ที่ไม่ชื่นชอบบิตคอยน์ ได้ออกมาทวิตโดยเชื่อว่า สถานการณ์ของคริปโทฯตอนนี้ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว
“นี่ไม่ใช่ฤดูหนาวของคริปโทฯ นั่นแสดงว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังใกล้เข้ามา คริปโทฯตอนนี้ก็ไม่ใช่ยุคน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าจะสิ้นสุดลงแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนี่คือการสูญพันธุ์ของคริปโท แต่บล็อกเชนจะยังคงอยู่ต่อไป ทองคำจะกลับมามีมูลค่าที่สูงขึ้นอีกครั้ง” ชิฟฟ์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนสาย VI ชื่อดังของโลก ถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากสุดในประวัติศาสตร์ ก็เคยออกกล่าวถึงตลาดคริปโทฯในช่วงที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกว่า ตัวเขาไม้เคยซื้อบิตคอยน์เลย เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สามารถให้ผลตอบแทน หรือนำไปต่อยอดอะไรได้ แม้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในระบบชำระแทนเงินสด แต่ธุรกรรมค่อนข้างยุ่งยากเมื่อนำมาใช้จริง
พร้อมมองว่า มูลค่าที่แท้จริงของบิตคอยน์นั้น คือการมองโลกในแง่ดีของนักลงทุนที่หวังอยากจะได้กำไรที่เพิ่มขึ้นในอนาคตเท่านั้น
ย้อนเหตุผล “บัฟเฟตต์” เจ้าพ่อตลาดหุ้น ไม่คิดลงทุนคริปโทฯ หลัง “บิตคอยน์ดิ่งหนัก”
จากข้อมูลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) พบว่า ตลาดคริปโทฯในไทย ตั้งแต่วันที่ 1-14 พ.ย. 65 มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท ลดลงราว 70% จากเดือน เม.ย. 65 โดยในเดือน ต.ค. มีบัญชีเคลื่อนไหวเพียง 7.2% จากจำนวนทั้งหมดเกือบ 3 ล้านบัญชี
โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นสะท้อนให้เห็นว่า ท่ามกลางข่าวร้ายรุมล้อมในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนได้ขาดความเชื่อมั่นในคริปโทฯ กดดันมูลค่าลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยต่างไปจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ที่ใคร ๆ ก็อยากเข้าไปร่วมลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงนี้ ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าในอนาคตตลาดคริปโทฯจะสูญพันธุ์ตามที่นักวิจารณ์กล่าวไว้หรือไม่ และจะสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนอีกจำนวนมากแค่ไหน