สรุปหุ้นไทยปี 2565 นักลงทุนต่างชาติ ช้อปกระหน่ำ 2 แสนล้านบาท


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ผ่านพ้นไปแล้วปีเสือดุ 2565 ถือเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวนอย่างมาก จากปัจจัยลบทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ย ผวาเศรษฐกิจถดถอย

 

ส่อง 3 กลุ่มหุ้นปันผลสูง น่าลงทุนไตรมาส 1 ปี 2566 ท่ามกลางภาวะถดถอย

จีนเปิดประเทศเต็มสูบ 8 ม.ค.66 เปิดโผ 11 หุ้นไทย คาดได้อานิสงส์เต็ม ๆ

ท่ามกลางความหวังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยช่วยหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ทำให้กระแสเงินทุนไหลเข้ากลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อ 17 ก.พ. 65 ดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index พุ่งขึ้นแตะ 1,718.55 จุด ถือเป็นระดับสูงสุดครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี

หลังจากนั้นไม่กี่วันถัดมาก รัสเซีย เปิดฉากสงครามกับยูเครน ยกกองทัพบุกดินแดนเต็มรูปแบบ ทยอยไล่ยึดพื้นที่ในแต่ละเมืองจนใกล้จะประชิดกับกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก

โดยเฉพาะนักลงทุนที่แห่ย้ายเงินทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยง กดดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกจนดิ่งพสุธา ซึ่ง SET Index ปรับลดลง -137 จุด ลงไปแตะระดับต่ำสุดรอบหลายเดือนที่ 1580.80 จุด

แต่ขณะนั้นไทยเพิ่งเปิดประเทศไม่นาน จึงทำให้ยังคงมีแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวแรงจากภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการ ส่งผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง จนผ่านไปรวม 1 เดือน  SET Index พลิกฟื้นจากจุดต่ำสุดกลับมาขึ้นมาแตะระดับ 1,708.89 จุด หรือเพิ่มขึ้น +128 จุด

 

ในช่วงปลายเดือน มี.ค. เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทย เริ่มได้รับผลกระทบหลายปัจจัย ทั้ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลก (GDP) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอาหารปรับตัวสูงขึ้น จีนเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์คุมโควิด-19อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันทั่วโลกเริ่มประสบปัญหาภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ทำให้ธนาคารกลางเริ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย นำโดยสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก 0.25%  จากปัจจัยลบดังกล่าว กดดันให้ SET Index ร่วงกลับลงไปที่ระดับ 1,578 จุด ในช่วงเดือน พ.ค.

ผ่านมาราว 2 เดือน โดย SET Index ยังคงร่วงทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี ที่ระดับ 1,520.77 จุด เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อเริ่มพุ่งสูงขึ้น โดย เฟด เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 อีก 0.75%  ทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำเศรษฐกิจถอย กดตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่ภาวะหมี

แต่จากนั้นไม่นานกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย ดันดัชนีพุ่งขึ้นแตะ 1,672 จุด ในต้นเดือน ก.ย. เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรกมีผลประกอบการเติบโตดีจากมาตรการเปิดเมือง หนุนฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและภาคบริโภคในประเทศ จนกระทั่งกลางเดือน ก.ย. SET Index ทิ้งตัวลงไปที่ระดับ 1,558 จุด ปรับลดลง 118.84 จุด หรือ -7.65% จากจุดสุงสุดของเดือน เนื่องจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย หลัง เฟด เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 อีก 0.75% ขยับขึ้นไปอยู่ในช่วง 3.75%-4.00%  สูงสุดรอบ 14 ปี

 

นับตั้งแต่เดือน ต.ค. ตลาดหุ้นไทย ยังคงมีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ซื้อสุทธิ 7,467 ล้านบาท ดัน SET Index ปิดที่ 1,625 จุด โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ สวนทางกับทั่วโลกที่เสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยจากปัญหาเงินเฟ้อสูง และการขึ้นดอกเบี้ยแรงของธนาคารกลาง

ขณะที่เดือน พ.ย. SET Index เคลื่อนไหวไซด์เวย์ปิดที่ 1,635.36 จุด ซึ่งต่างชาติยังคงเป็นผู้ซื้อหลัก สุทธิ 30,129 ล้านบาท รวม 11 เดือน ซื้อแล้ว 184,060 ล้านบาท ได้ปัจจัยหนุนเปิดประเทศ และปัญหาเงินเฟ้อเริ่มลดลง

สำหรับเดือนสุดท้ายของปี 65 ธ.ค. เฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ครั้งสุดท้ายของปี 65 อีก 0.50% เป็นการปรับขึ้นในอัตราชะลอตัวลง สู่ระดับ 4.25-4.50% สูงสุดในรอบ 15 ปี พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีหน้า 2566 เพื่อลดเงินเฟ้อให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้ตลาดเริ่มกลับมากังวลเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ไทยยังได้ปัจจัยใหม่สุดเซอร์ไพรส์ ก็คือรัฐบาลจีนเตรียมเปิดประเทศ 8 ม.ค. 2566 และเตรียมอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก  โดยจะทำให้มีนักนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายไว้เกิน 20 ล้านคนในปีหน้า 2566

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าลุยซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2565 รวมสุทธิ 202,694.36 ล้านบาท ส่งผลให้  SET Index สิ้นปี 2565  ณ วันที่ 30 ธ.ค. ปิดระดับ 1,668.66 จุด เพิ่มขึ้น 11.06 จุด หรือ +0.67% เมื่อเทียบกับปี 2564

อย่างไรก็ตามปีหน้า 2566 ยังต้องติดตามเศรษฐกิจทั่วโลกว่าจะถดถอยมากหรือน้อย รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ขณะเดียวกันที่จีนยังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในระดับสูง และหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น อาจกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และกระทบประเทศในแถบเอเชียตามด้วยเช่นกัน

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ