ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาด "แข็งค่า" คาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยฉุดดอลลาร์
ราคาทองวันนี้ เปิดการซื้อขาย "ไม่เปลี่ยนแปลง" เงินบาทแข็ง
ค่าเงินบาทไทย เช้าวันนี้ (16 ม.ค. 66) เปิดตลาดแข็งค่าทะลุ 33 บาทต่อดอลลาร์ เป็นที่เรียบร้อย โดยเวลา 10.50 น. เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งยังได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่ปรับตัวอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ปรับลดลงในรอบกว่า 2 ปี ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดแล้ว รวมถึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐญฯ หรือ เฟด (Fed) ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 13 ม.ค.) มีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย 3,836 ล้านบาท และยังซื้อหุ้นสุทธิสุทธิอีก 517 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) มองว่า เงินบาทแข็งค่าทะลุ 33 บาทต่อดอลลาร์ เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย (SET Index) ดังนี้
1. ทิศทางเงินทุนต่างชาติคาดยังคงไหลเข้าหุ้นไทย โดยมีโอกาสทำกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน(FX-Gain) ตามเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 66 ต่างชาติซื้อหุ้นไทยกว่า 1.78 หมื่นล้านบาท หากทิศทางค่าเงินบาทยังทรงตัวในระดับแข็งค่าต่อเนื่อง คาดหนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
2. หาก Downside GDP ของไทยเริ่มปรากฏ อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมที่จะมีขึ้น 25 ม.ค.65 ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าจะกดดันเป้าหมายดัชนีลดลงราว 80 จุด หรือจากดัชนีเป้าหมายปลายปี 1820 จุด เหลือ 1740 จุด
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจในประเทศมีโอกาสชะลอตัว อาจทำให้การขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ชะลงได้ และเป็นแรงหนุนให้ SET Index น่าสนใจมากขึ้น
3. กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า หุ้นที่เน้นการนำเข้า อาทิ TFG, TVO กลุ่มที่มีหนี้สกุลต่างประเทศ อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF , BGRIM, EGCO, PTT, PTTEP, PTTGC กลุ่มสายการบิน อาทิ BA AAV หุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี SET50-100 เป้าหมาย Flow ต่างชาติอาทิ KBANK, SCB, BBL, TISCO, OR, IVL, SCC,TOP, CPALL, CRC, ADVANC
อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่แข็งค่ารวดเร็วในช่วงเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา แข็ง อาจมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจระยะยาวขยายตัวได้น้อยลง จากภาคการส่งออกที่สะดุด ดุลการค้าไทยขาดดุลมากขึ้น หรือ Net Exports ติดลบเพิ่มขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้ของประเทศอาจลดลง ซึ่งล้วนมีผลต่อการจ้างงานและการบริโภคภายในประเทศ