วิจัยกรุงศรี-ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองตรงกัน คาดคณะกรรมการนโยบยายการเงิน(กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.50% ในการประชุมวันพรุ่งนี้ (25 มกราคม 2566) ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ดอกเบี้ยของไทยเข้าสู่วงจรขาขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 และการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปีที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.25% จากการประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง
ส่อง 27 หุ้นได้ประโยชน์ แนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยชะลอตัว
คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก หลังเงินเฟ้อไทยพุ่ง จำกัด Upside ตลาดหุ้นไทย
คาดว่า GDP จะเติบโตที่ 3.7% ในปี 2566 และเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ในปี 2567 2567 โดยภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ซึ่งจะช่วยลดทอนผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นจากราคาพลังงานในประเทศ แต่จะทยอยลดลงกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในปีนี้
วิจัยกรุงศรีคาดการประชุมกนง.ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ (วันที่ 25 มกราคม) กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% จากสิ้นปี 2565 ที่ 1.25% สู่ระดับ 1.50% เนื่องจากแรงกดดันของเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงเหนือกรอบเป้าหมาย ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า และค่าขนส่งสาธารณะ
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของภาคท่องเที่ยวและการบริโภคที่ปรับดีขึ้น ในระยะถัดไปแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีปัจจัยบวกมากขึ้นจากภาคท่องเที่ยวที่ได้อานิสงส์จากจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด
แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้กนง.มีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย อาทิ
- เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว และมีความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น
- เงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอชัดเจนขึ้นในไตรมาส 2 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่สูงในปีก่อน และผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างเร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยล่าสุดแข็งค่าจากสิ้นปี 2565 สูงกว่า 5%
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการประเมินของกนง.ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยและการส่งสัญญาณถึงทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าว่าจะให้น้ำหนักต่อประเด็นการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือเสถียรภาพด้านราคาเป็นสำคัญ
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์เช่นเดียวกันว่ากนง.จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของ ธปท. ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาด ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา เร่งสูงขึ้นที่ระดับ 5.89% YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน ธ.ค. อยู่ในระดับใกล้เคียงกับในเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ที่ระดับ 3.23% YoY สะท้อนแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง
ในด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลัง โดยการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาด จะเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้น เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับอุปสงค์ในประเทศจีนที่ทยอยกลับมาเป็นปกติจะช่วยหนุนการส่งออกไทยแม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมจะยังคงกดดันการส่งออกไทยอยู่
ในระยะข้างหน้า กนง. มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งที่ร้อยละ 0.25 ภายในไตรมาสแรกของปี 2566 นี้ และอาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ไปจ
นตลอดทั้งปี 2566 ท่ามกลางเงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ปรับลดลงสู่กรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-3% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียมหรือฟื้นตัวแบบรูปตัว K (K-shaped recovery) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ดี ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะที่เชื่อมโยงกับการส่งออกมีแนวโน้มที่จะยังคงเปราะบางเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันลดลงและมีทิศทางแข็งค่าโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปี อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยที่ออกมา รวมถึงทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลักอย่างเฟดเป็นสำคัญ
หากเงินเฟ้อไทยยังคงอยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด และเฟดจำเป็นต้องยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวอย่างต่อเนื่อง คงส่งผลให้ กนง. เผชิญแรงกดดันมากขึ้น และอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้