ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) รายงานว่าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม วันที่ 31 ม.ค -1 ก.พ นี้ ในขณะที่คาดว่า ECB จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในวันที่ 2 ก.พ.นี้
แนะนำผู้นำเข้าควรซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยง และผู้ส่งออกขายเงินตราต่างประเทศที่ระดับเหนือ 32.90 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดตลาด "แข็งค่า" คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันโลกร่วง วิตกเศรษฐกิจชะลอ-รัสเซียส่งออกเพิ่มขึ้น
เงินบาทอ่อนค่าจากวันจันทร์ รอการประชุมเฟด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้นและเลือกที่จะลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลง ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก รวมถึงรับรู้ผลการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจดทะเบียน (กว่า 100 บริษัทในดัชนี S&P500 จะมีการประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้) ส่งผลให้ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงกว่า -1.30%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (Chevron -2.9%, Exxon Mobil -1.8%) ตามการปรับตัวลงหนักกว่า -2% ของราคาน้ำมันดิบ WTI สู่ระดับ 78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากทางการรัสเซียยังคงอนุญาตให้บรรดาบริษัทน้ำมันสามารถส่งออกน้ำมันในปริมาณและระดับราคาเท่าไหร่ก็ได้ หลังจากที่รัสเซียเผชิญมาตรการกำหนดเพดานราคาขายน้ำมันจากบรรดาชาติฝั่งตะวันตก
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นและแกว่งตัวเหนือระดับ 102.2 จุด หลังนักลงทุนเลือกที่จะถือเงินดอลลาร์ พร้อมลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลักและผลการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจดทะเบียน