PTTEP กำไรปี 65 พุ่ง 65% รับรู้ยอดขายเติบโต จ่อปันผล 5 บาท/หุ้น
CPN กำไรไตรมาสสามพุ่ง 1,153% จากธุรกิจ"โรงแรม-ศูนย์อาหาร"ฟื้น
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ตั้งเป้าหมายปี 2566 จะมีรายได้ 42,000-45,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 15-25% สูงกว่าปี 2562 หรือ ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 และเพิ่มขึ้นราว 20-30% จากปี 2565
โดยหลักมาจากธุรกิจศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น 13-19% จากปีก่อนหน้า หรือสูงขึ้น 8-14% จากปี 2562 ซึ่งมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของศูนย์การค้าเดิม คาดการณ์ส่วนลดค่าเช่าจะลดลงสู่ระดับปกติที่ 3-5% ภายในครึ่งแรกของปี 66 ซึ่งเร็วกว่าคาด
รวมถึงเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่ง คือ Marche ทองหล่อ (Community Mall) พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ในไตรมาส 1 ปี 66 และ Central Westville พื้นที่เช่า 34,000 ตารางเมตร ในไตรมา 4 ปี 66
ขณะที่ธุรกิจโรงแรม และที่อยู่อาศัย คาดว่าจะเติบโตสูงในอัตราเท่ากันที่ 65-80% จากปีก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการส่งมอบโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ซึ่งปีนี้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมใหม่ 5 แห่ง
ทั้งนี้เป้าหมายระยะ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2570) บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 14-16% จากแผนการขยายธุรกิจ ประกอบด้วย
- ธุรกิจศูนย์การค้า เพิ่มพื้นที่เช่าสุทธิ จาก 2.3 ล้านตารางเมตรในปี2565 เป็น 2.7 ล้านตารางเมตรในปี 2570 หรือมีจำนวนศูนย์การค้าภายในพอร์ตทั้งหมด 50 โครงการ เพิ่มขึ้นจาก 37 โครงการ ณ สิ้นปี 2565 ผ่านการลงทุนในโครงการใหม่ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศเวียดเนียมหากมีความชัดเจน คาดประกาศได้ในกลางปีนี้
- อาคารสำนักงาน ตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่เช่าจาก 0.33 ล้านตารางเมตรในปี 2565 เป็นกว่า 0.5 ล้านตารางเมตรในปี 2570 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ Dusit Central Park พื้นที่ 90,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเสร็จปี 2567
- โรงแรม ณ สิ้นปี 2565 มีจำนวน 781 ห้องพัก คาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,900 ห้องพัก ในอีก 5 ปีข้างหน้า ภายใต้การพัฒนาโรงแรมใหม่ 5-7 แห่งต่อปี ในหลากหลายแบรนด์ได้แก่ Centara, Centara One และ Go Hotel
- โครงการที่อยู่อาศัย มีแผนเปิดเฉลี่ย 5-8 โครงการใหม่ต่อปี ทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อเพิ่มพอร์ตโครงการจาก 28 โครงการ เป็น 70 โครงการ ในปี 2570
ด้านเงินทุน CPN วางงบไว้ที่ 1.35 แสนล้านบาท สำหรับในช่วงปี 2566-2570 ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน, เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และกระแสเงินสดจากการขายจากการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์ (REIT) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในครึ่งหลังปี 66 เบื้องต้นประเมินมูลค่าราว 15,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เชื่อว่าแหล่งเงินทุนทั้งหมดจะเพียงพอต่อการลงทุน ปราศจากความเสี่ยงเรื่องเพิ่มทุน
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) ประเมินว่า ราคาเป้าหมายปี 2566 อยู่ที่ 79 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์จากกระแสเปิดประเทศ ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 65 ฟื้นตัว ยาวต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1 ปี 66 เติบโตทั้งรายไตรมาส และรายปี โดยมีความต่างส่วนลดค่าเช่าของฝ่ายวิจัยฯที่สูงกว่า และประมาณการรายได้ธุรกิจโรงแรมและที่อยู่อาศัยที่ต่ำกว่าบริษัท สร้าง upside ส่วนเพิ่มต่อประมาณการ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯอาจพิจารณาอีกครั้งหลังประกาศงบ
