บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด ( มหาชน ) หรือ TKC ประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2565 กำไรสุทธิอยู่ที่ 241 ล้านบาท เติบโต +20% ปีก่อน และมีรายได้รวม 2,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +827% จากปีก่อน
โดยมีรายได้จากงานโครงการ เท่ากับ 1,284.14 ล้านบาท ลดลง -1.28% จากปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 52% ของรายได้รวมทั้งหมด ส่วนใหญ่รับรู้รายได้จากธุรกิจด้านดิจิทัลโซลูชั่น
งานบริการวิศวกรรม และบำรุงรักษา มีรายได้เท่ากับ 897.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.77% จากปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 36% ของรายได้รวมทั้งหมด จากการเพิ่มขึ้นของงานให้บริการบำรุงรักษาและให้บริการอินเทอร์เน็ต
การจัดจำหน่าย มีรายได้ เท่ากับ 277.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +2,406% จากปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 12% ของรายได้รวมทั้งหมด เนื่องจากการขายอุปกรณ์ระบบเครือข่ายหลัก และอุปกรณ์กระจายสัญญาณแบบไร้สาย
ด้านต้นทุนการขายและบริการ อยู่ที่ 1,980.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +11.33% จากปีก่อน และค่าใช้จ่ายรวม เท่ากับ 176.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +7.29% จากปีก่อน
ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 2,626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +80.73% จากปีก่อน และมีหนี้สิน 775.19 ล้านบาท ลดลง -28.61 จากปีก่อน
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส ระบุว่า ในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่า 20% โดยมีทิศทางการเติบโตจากธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ ธุรกิจด้าน Smart solution ต่าง ๆ เน้นสร้างรายได้เข้าอย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาส
ทั้งนี้ธุรกิจหลักด้านโทรคมนาคม มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีความชัดเจนเรื่องการควบรวมกิจการของโอเปอเรเตอร์ TKC มีโอกาสสร้างรายได้จากการเติบโตจากอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญมากว่า 18 ปี
ขณะที่ธุรกิจสายงานไอที IoT AI รวมทั้งระบบคลาวด์ ยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ กลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐ และเอกชน มองหาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร จึงเป็นปีที่สดใสของอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลโซลูชัน ขณะเดียวกันสายงานธุรกิจ Public safety หรือความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งปีนี้คาดจะเห็นความชัดเจนของระบบ National Trunk จากภาครัฐ
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท กําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล วันที่ 28 เม.ย. 2566 (ขึ้นเครื่องหมาย XD 27 เม.ย. 66) และกําหนดการจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 พ.ค. 2566 สำหรับสิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่น