เปิดกลยุทธ์ลงทุน ก่อน-หลังเลือกตั้ง 2566 ส่องกลุ่มหุ้นให้ผลตอบแทนดี


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ประเทศไทยใกล้จะมีการเลือกตั้งอีกครั้งในปีนี้ 2566 จากผลศึกษาพบว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยและหุ้นรายกลุ่มอุตสาหกรรม ก่อนและหลังเลือกตั้งมีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ นักวิเคราะห์แนะวางกลยุทธ์ลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงเพิ่มความระมัดระวัง โดยเน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก

ปิดฉาก “ไทยสมายล์” จ่อควบรวม “การบินไทย” สิ้นปี 66 โอนย้ายพนักงาน 800 คน

มุมมองเศรษฐา ทวีสิน คนไทยมีบ้านเป็นของตัวเองยากขึ้น?

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2561 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)​ ประกาศว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือน ก.พ. ปี 2562 ตลาดหุ้นไทยตอบรับทันทีด้วยการปิดที่ 1,717.96 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า (12 ก.ย.61) ราว 38.57 จุด

ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นเกือบ 80,000 ล้านบาท จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งต่อการลงทุน

ขณะที่ปัจจุบัน บรรยากาศการเลือกตั้งกำลังกลับมาอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลกำลังจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค. 66 นี้ และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค. 66 เช่นกัน หรือหากมีการยุบสภาก่อนรัฐบาลจะอยู่ครบวาระก็จะมีการเลือกตั้งเร็วขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน

โดยการตอบสนองของดัชนีหุ้นไทยในช่วงต้นปีนี้ 2566 ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เนื่องจากกําหนดการที่จะนําไปสู่การเลือกตั้งได้ถูกคาดหมายไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ปฏิกิริยาของตลาดหุ้นจะชัดเจนขึ้นอีกก็ต่อเมื่อสามารถคาดการณ์ผลการเลือกตั้ง และหน้าตาของรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไร และมีเสถียรภาพมากน้อยแค่ไหน

หากนักลงทุนประเมินว่าการเลือกตั้งจะมีผลต่อการลงทุน ดังนั้นควรเตรียมแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับบรรยากาศที่เหลือไม่เกิน 3 เดือน

ทั้งนี้จากผลการศึกษาผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงก่อนและหลังวันเลือกตั้งที่ดีที่สุดในปี 2544 – 2562 พบว่าดัชนีหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3 เดือน ก่อนการเลือกตั้งเฉลี่ย 3.90% รองลงมาได้แก่ ก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.09% ขณะที่หลังการเลือกตั้งไปแล้ว 1 สัปดาห์จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.81% และหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.55%

สำหรับหุ้นกลุ่มที่มักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดโดยรวมในช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มไอซีที สื่อและสิ่งพิมพ์ พาณิชย์ อาหารและเครื่องดื่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 9.40%, 7.80%, 6.40%, 5.50% และ 5.20% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจัยการเมืองจะมีผลต่อการลงทุน แต่ก็เป็นปัจจัยระยะสั้น ดังนั้นนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน เพราะราคามีโอกาสที่จะปรับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จึงควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจกดดันบรรยากาศการลงทุนร่วมด้วย เช่น ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือปัจจัยภายนอกที่ถ่วงเศรษฐกิจโลก โดยให้พิถีพิถันในการเลือกหุ้น โดยเน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก 

 

เอเชียนกมส์2022-B เอเชียนกมส์2022-B
TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ