คาดประชุมเฟด 21-22 มี.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณจบดอกเบี้ยขาขึ้น


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การประชุมเฟด 21-22 มี.ค.นี้ เป็นที่จับตาของตลาดทั่วโลก คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จับตาเฟดคาดการณ์เศรษฐกิจ ตลาดประเมินส่งสัญญาณสิ้นสุดดอกเบี้ยขาขึ้น

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) วันที่ 21-22 มี.ค.จะเป็นจุดสนใจหลักของตลาดโลก โดยเราคาดว่ายังมีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bp สู่ 4.75-5.00% ในรอบนี้ แต่การสื่อสารของเฟดอาจบ่งชี้ว่าวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นกำลังใกล้สิ้นสุดลง สนับสนุนมุมมองที่ว่าภาวะความผันผวนและตลาดการเงินตึงตัวจะถ่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อลงในระยะถัดไป

ราคาทองวันนี้ ทะยานไม่หยุด ปรับเดือด 10 ครั้ง ทองนอกทะลุ 2,000 ดอลลาร์

UBS เข้าฮุบ “เครดิต สวิส” มูลค่า 1 แสนล้านบาท ป้องกันกระทบตลาดการเงิน

 

 

เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด

อย่างไรก็ดี การประชุมเฟดครั้งนี้มีความไม่แน่นอนสูงท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนว่ามาตรการต่างๆที่ออกมาในช่วงนี้จะประคองเสถียรภาพตลาดได้นานเพียงใด

สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตได้ 3.7% จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ส่วนเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องและคาดว่าจะกลับเข้ากรอบเป้าหมายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ การทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมความยืดหยุ่นหากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ยังเป็นแนวทางที่เหมาะสม

เรามองว่าทางการอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.75% ด้วยมติไม่เป็นเอกฉันท์ในการประชุมวันที่ 29 มี.ค.

เช่นเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่เฟดคงส่งสัญญาณให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดการเงินว่าประเด็นธนาคารสหรัฐฯ ปิดกิจการจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบในวงกว้าง

ในการประชุม FOMC วันที่ 21-22 มี.ค. นี้ คาดว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ระดับ 4.75-5.00% หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนก.พ. ยังอยู่ในระดับสูง แม้จะเริ่มชะลอตัวลง

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นธนาคารสหรัฐฯ ปิดกิจการ เฟดคงมีท่าทีลดความแข็งกร้าวลง พร้อมกับคงต้องส่งสัญญาณให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดการเงินว่าสถานการณ์จะไม่ลุกลามจนก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบในวงกว้าง

ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งคงเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจที่ต้องติดตาม

แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือนก.พ. 2566 จะชะลอลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2% ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดยังเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางประเด็นในภาคธนาคารของสหรัฐฯ และยุโรป

ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ของสหรัฐฯ เดือนก.พ. 2566 ชะลอลงอยู่ที่ 6.0% YoY แต่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่หักราคาอาหารและพลังงาน กลับเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดที่ 0.5% MoM และ 5.5% YoY ซึ่งสะท้อนว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ ตัวเลขตลาดแรงงานที่ออกมาล่าสุดก็ยังสะท้อนภาพว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงค่อนข้างแข็งแกร่ง 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็นธนาคารสหรัฐฯ เผชิญปัญหาสภาพคล่องและต้องปิดกิจการลง เฟดมีแนวโน้มที่จะให้น้ำหนักต่อประเด็นด้านเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะลดความแข็งกร้าวลงและปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียงร้อยละ 0.25 ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ ในขณะที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 5.00 โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา เจอโรม พาวเวล เคยส่งสัญญาณว่าเฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดมองความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึงร้อยละ 0.50

ในการประชุม FOMC วันที่ 21-22 มี.ค. 2566 แต่หลังจากสถานการณ์การปิดตัวลงของบางธนาคารในสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดมุมมองของตลาดถึงความเป็นไปได้ที่เฟดอาจระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อภาคธนาคารสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าหากเฟดระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจยิ่งก่อให้เกิดความผัวผวนในตลาดการเงิน โดยจะยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลว่าเฟดมองประเด็นนี้เป็นปัญหาใหญ่จึงจำเป็นต้องระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายออกไปก่อนแม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้ ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ คาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดการเงินว่าประเด็นธนาคารสหรัฐฯ ที่เผชิญปัญหาสภาพคล่องและต้องปิดกิจการลงนั้นยังสามารถควบคุมได้ และจะไม่ลุกลามจนก่อให้เกิดปัญหาเชิงระบบในวงกว้าง เพื่อลดความวิตกกังวลของตลาด

แต่เนื่องจากเฟดคงต้องให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น ดังนั้น ยังต้องติดตามการส่งสัญญาณถึงเส้นทางดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนอยู่สูง โดยคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาดการเงินสหรัฐฯ ตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่ออกมา รวมถึงมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า

การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวของเฟดในช่วงที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้ธนาคารสหรัฐฯ 3 แห่งเผชิญปัญหาสภาพคล่องและปิดกิจการลง ซึ่งสะท้อนว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวของเฟดในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลในการกดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคภายในสิ้นปีนี้จึงมีมากขึ้น ซึ่งหากเฟดให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและเสถียรภาพตลาดการเงินมากขึ้น มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ หรืออาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้

ในการประชุมรอบนี้จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Dot Plot) ซึ่งคงเป็นอีกจุดสนใจในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากจะสะท้อนมุมมองของเฟดต่อการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า
 

เรื่องที่คุณอาจพลาด
วิดีโอยอดนิยม

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์


TOP หุ้น-การลงทุน

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ