ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ใขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้
เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิในตลาดหุ้น 1,187 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,830 ล้านบาท
แนะนำ ผู้นำเข้าควรซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อปิดความเสี่ยง และผู้ส่งออก แนะนำขายเงินตราต่างประเทศที่เหนือระดับ 34.80 บาท/ดอลลาร์
ไม่ว่าเฟดจะ "ขึ้นหรือไม่ขึ้น" ดอกเบี้ย ราคาทองก็ขึ้น
คาดประชุมเฟด 21-22 มี.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณจบดอกเบี้ยขาขึ้น
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในคืนวันพุธ (22 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) ตามเวลาไทย ล่าสุด FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.9% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 15.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าตลาดบอนด์เปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 3.60% โดยบอนด์ยีลด์ระยะยาวมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ หากผลการประชุมเฟดวันพฤหัสฯ นี้ ชี้ว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังไม่จบ เนื่องจากเฟดต้องการที่จะคุมปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูงให้สำเร็จเป็นหลัก
ทว่าการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในรอบนี้ อาจไม่ได้ไกลมากนักหรืออาจไม่สามารถปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านแถว 4.00% ซึ่งคงมุมมองเดิมมาโดยตลอดว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนทยอยเข้าซื้อสะสมได้
เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น และผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงคาดหวังว่า เฟดจะกลับมา “ลด” ดอกเบี้ยลงต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ (แตะระดับ 4.50% ณ สิ้นปีนี้ จากข้อมูล CME FedWatch Tool) มุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้ทำให้ ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 103.2 จุด
เงินดอลลาร์อาจแกว่งตัว sideways จนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้ และมีโอกาสที่เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น หากเฟดส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด รวมถึงการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างลดการถือครองทองคำ ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) เผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง จนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,946 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นักลงทุน จับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ซึ่งจะรับรู้ในช่วงราว 1.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของเช้าวันพฤหัสฯ โดยเรามองว่า FOMC อาจตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย +0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% เพื่อย้ำจุดยืนในการแก้ไขปัญหาอัตราเงินเฟ้อ (ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อ CPI ยังคงสูงกว่า 6%)
ขณะที่ปัญหาสภาพคล่องในระบบธนาคารสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้สภาวะทางการเงิน (Financial Condition) ของสหรัฐฯ ตึงตัวมากขึ้น ทำให้ความจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ลดลง
แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ประมาณการเศรษฐกิจใหม่ของเฟด รวมถึงคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ใหม่ โดยเราประเมินว่า เฟดอาจไม่ได้ขยับประมาณการเศรษฐกิจมากนัก แต่มีความเป็นไปได้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่อาจมองว่า เฟดควรขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจนแตะระดับ 5.50% ในปีนี้ ซึ่งจะสูงขึ้นจากที่เคยมองไว้ที่ระดับ 5.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในฝั่งภาคการบริการ มีแนวโน้มชะลอตัวลงช้า ส่วนปัญหาด้านสภาพคล่องของระบบธนาคารสหรัฐฯ ก็ไม่ได้น่ากังวลมากนัก เพราะทางการสหรัฐฯ และเฟด ก็ได้ออกมาตรการรับมือไว้แล้ว
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท จะเห็นได้ว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงก็ตาม ซึ่งปัจจัยสำคัญ คือ โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะปรับฐาน หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นไทยต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ โดยแรงขายเริ่มชะลอลงจากช่วงก่อนหน้า