บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ พุ่งสูงสุดรอบ 16 ปี กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก คาดไทยผันผวนน้อย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Bond Yield) พุ่งแตะ 4.3% สูงสุดในรอบ 16 ปี ตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ส่งผลให้กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน ด้านโบรกฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เป็นหลุมหลบภัย พร้อมจับตาจัดตั้งรัฐบาลใหม่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น

เอเวอร์แกรนด์ อสังหาฯ ยักษ์ของจีน "ประกาศล้มละลาย"

ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดแข็งค่า "เล็กน้อย" ฟื้นตัว รอโหวตนายกฯ

ราคาทองวันนี้ "ลง 50 บาท" ทองนอกร่วงหลุด 1,900 ดอลลาร์

ตลาดหุ้นทั่วโลกยังเผชิญกับความผันผวน โดยมีแรงกดดันหลักจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่พุ่งขึ้นแตะ 4.3% ทำจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี และยังปรับตัวขึ้นมากว่า 50 bps. ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยกดดันให้บริษัทจดทะเบียนต้องแบกรับต้นทุนจากเงินกู้ที่สูงขึ้น

และตามกลไก Market Earning Yield Gap (MEYG) ยังจะกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาถูกซื้อขายบน P/E ที่ถูกลง หรือมีโอกาสย่อตัวลง 8% ถึง 11% ซึ่งถือเป็นความรู้สึกเชิงลบต่อภาพรวมตลาดหุ้นโลก

ทั้งนี้ในส่วนตลาดหุ้นไทย ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่ามีโอกาสผันผวนน้อยกว่า โดยปรับตัวลงเพียง 0.4% จากที่ ตราสารหนี้ไทยยังไม่ปรับขึ้นเหมือนสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทยอายุ 10 ปี ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 2.71% และเพิ่มขึ้นมา 14 bps. เท่านั้น แม้ที่ผ่านมาจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโนบาย 25 bps. เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 66

โดยปัจจัยการเมืองในประเทศเริ่มจะชัดเจนขึ้น ล่าสุดการจัดตั้งรัฐบาลโดยแกนนำพรรคเพื่อไทยมีพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งทำให้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลมีอยู่ 274 เสียง ถือเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากแล้ว และต้องติดตามต่อว่าในช่วงเวลาที่เหลือ 3 วัน ว่าจะมีพรรคใดแถลงเข้าร่วมรัฐบาลอีก หรือไม่ ซึ่งวันที่ 22 ส.ค.66 จะเป็นวันโหวตนายกฯรอบ 3

ขณะที่ปัจจัยหนุนหลังจากนั้น คือ งาน Thailand Focus 2023 ที่จะจัดขึ้น 23-25 ส.ค.66 คาดทำให้การลงทุนของนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น จากการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียน

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งเสร็จสิ้น และเป็นหุ้นที่เข้าร่วมงาน Thailand Focus 2023 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดังนี้

  • กลุ่มบริษัทที่ไม่มา Thailand Focus 2022 แต่ปี 2023 นี้มา TPIPL, TASCO, SIRI, BCPG, KTB, SCCC, STEC
  • กลุ่มบริษัทมา Thailand Focus 2022 และปี 2023 มาต่อเนื่อง TRUE, AMATA, CPALL, CPN, LH, CRC, BJC, AOT, ERW

สรุปตลาดหุ้นไทยถือเป็นหลุมหลบภัยจากปัจจัยภายนอกที่หมองหม่น โดยปัจจัยในประเทศยังเป็นปัจจัยหนุนให้ SET Index Outperform ต่อได้ โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหว 1,520-1,535 จุด

TOP หุ้น การลงทุน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ