“อัจฉริยะ”แจ้งจับ“ลุงพล”สร้างพญานาครุกป่า
ชาวกกกอก หวาดระแวง วอนตร.จับคนร้ายฆ่า “น้องชมพู่” ให้ได้
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2564 นายพรพิรมณ์ อุระแสง ผอ.ศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร อ่านข้อร้องเรียนของนายอัจฉริยะ เหลืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีนายไชย์พล วิา หรือ "ลุงพล" สร้างพญานาคทับที่ป่าสงวน เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา โดยระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ป่าสงวนที่ไม่อยู่ในพื้นที่การสำรวจถือครองและไม่มีเอกสารสิทธิ์ จากนั้นได้ขอให้ “ลุงพล” นำดูพื้นที่ที่มีการก่อสร้างรูปปั้นพญานาคปู่ปาริจิตนาคราช โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับตำรวจ ปทส. และตำรวจ สภ.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เข้าตรวจสอบพื้นที่
นายไชย์พล ชี้แจงเจ้าหน้าที่ว่า ได้รับที่ดินแปลงดังกล่าวมาจากครูซึ่งเป็นชาวบ้านกกกอกที่เคารพนับถือ โดยย้ายเข้ามาอาศัยในปี 2557 หลังลาออกจากงานที่กรุงเทพมหานคร
“กกกอก” เสียงแตกยูทูบเบอร์สร้างรายได้-วุ่นวาย
ขณะที่การตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบว่า ที่ดินผืนนี้อยู่ในเขตป่าสงวนฯ ติดกับลำห้วยบุง แต่เดิมกรมป่าไม้อนุโลมให้อยู่อาศัยและทำการเกษตรได้ แต่เมื่อเดือนธันวาคม 2563 นายไชย์พล กลับนำที่ดินไปก่อสร้างพญานาคยาว 44 เมตร สูง 7 เมตร ซึ่งเป็นการใช้ที่ดิน ผิดวัตถุประสงค์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บอกว่า ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานายไชย์พลในกรณีดังกล่าว เพราะยังต้องตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม โดยได้เชิญตัวนายไชย์พลไปสอบปากคำที่ สภ.กกตูม เวลาประมาณ 14.30 น.
หลังจากถูกเชิญตัวมาที่ สภ.กกตูม นายไชย์พล ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่กังวลว่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา เพราะมีเจตนาบริสุทธิ์ สร้างรูปปั้นพญานาค เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นสมบัติของชาติ เมื่อถามว่าเป็นการรุกที่ป่าสงวนหรือไม่ นายไชย์พลอ้างว่า ไม่ทราบ เพราะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่หากรูปปั้นพญานาครุกที่ป่า บ้านของชาวบ้านกกกอก ก็รุกที่ป่าเหมือนกัน
สำหรับรายละเอียดการก่อสร้างรูปปั้นพญานาคปู่ปาริจิตนาคราชนั้น นายไชย์พล ได้ให้สัมภาษณ์ช่วงเช้าก่อนเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบว่า การก่อสร้างไม่มีใบอนุญาตและไม่มีวิศวกรคุมงาน แต่ใช้ช่างมีประสบการณ์ที่เคยวางโครงสร้างโรงพยาบาลมาแล้ว และใช้วัสดุที่มีคุณภาพ โครงสร้างภายในเป็นเหล็กทั้งหมด ทำให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยโดยก่อนเริ่มก่อสร้าง ได้ประสานแขวงการทางหลวง ปรึกษาเรื่องระยะห่างจากถนนแล้ว ซึ่งทางแขวงการทางหลวงบอกว่าสร้างได้ แต่ไม่ได้ขอทางกรมป่าไม้ โดยเพิ่งได้เข้าไปคุยกับทางกรมป่าไม้ภายหลังเกิดเรื่อง และทราบว่าเป็นที่ป่าสงวน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้ใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะที่ดินตรงนี้ไม่ได้ใช้เพาะปลูกอยู่แล้ว เพราะด้านล่างเป็นชั้นหิน เพาะปลูกไม่ขึ้น
สำหรับข้อหารุกที่ป่าสงวนฯ ใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ และทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 – 2,000,000 บาท ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่านายไชย์พลจะถูกแจ้งข้อหานี้หรือไม่