บุกจับ “แก๊งอุ้มบุญ” หลังพบพิรุธอาการทารก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เจ้าหน้าที่ร่วมกันจับขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ หลังพบว่ามีเด็กทารก 4 เดือน ป่วยในลักษณะผิดปกติ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ก่อนจะสืบทราบพบว่า แก๊งนี้เป็นกลุ่มเดียวกับเครือข่ายอุ้มบุญเก่าที่หากินจากธุรกิจนี้ มานานกว่า 10ปี

กลุ่มออทิสติก ร่ำไห้ ขอปารีณาหยุดลดทอนค่า

ตร.ปล่อยตัว เพนกวิน-เพื่อน หลังเข้ารับทราบข้อหา

จังหวะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในอาการ ได้รับเบาะแสว่าเป็นสถานที่รับอุ้มบุญ ซึ่งเปิดเป็นสถานรับเลี้ยงเด็ก และ รับทำความสะอาด บังหน้า  โดยปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการร่วมกันระหว่าง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  กรมสอบสวนคดีพิเศษ  กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระหว่างเข้าตรวจสอบยังพบเด็กทารกส่งเสียงร้องไห้โดยตลอด พร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง มีทั้งชาวไทยและต่างชาติ    

พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้น หลัง กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า มีเด็กทารกอายุประมาณ 4 เดือน เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยภาวะชักเกร็งและมีเลือดออกในสมอง  แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

สอบปากคำมารดาของทารก สารภาพว่า ตัวเองรับจ้างอุ้มบุญ โดยอยู่ระหว่างรอการส่งมอบเด็กให้กับผู้ว่าจ้าง ขณะที่นายหน้าเป็นชาวต่างชาติ คอยดูแลและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและติดตามกลุ่มชาวต่างชาติที่ว่าจ้างหญิงไทยในการตั้งครรภ์ พบว่า มีการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก ชื่อว่า “gs กิ๊ก” เปิดบริการเป็นศูนย์แม่บ้าน และมีการรับเลี้ยงดูแลเด็กทารกจริง โดยมีทารกอยู่ในความดูแล 2 คน อายุประมาณ 6 เดือนและ 8 เดือน   โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นทารกที่เกิดจากการอุ้มบุญ ส่วนกลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นนายหน้า มีจำนวน 3 คน มีหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญจำนวน 4 คน

ขณะเดียวกันยังตรวจพบผู้ดูแลเด็กทารกเป็นบุคคลสัญชาติฟิลิปปินส์อีก 2 คน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเครือข่ายขบวนการอุ้มบุญเก่าที่ทำมานานกว่า 10 ปี

สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้ คือ กลุ่มหญิงรับจ้างอุ้มบุญจะต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา เพื่อไปฝังตัวอ่อนทารก จากนั้นเดินทางกลับมายังประเทศไทย และต้องกลับไปคลอดที่กัมพูชาอีกครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด -19 ทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ จึงจำเป็นที่จะต้องคลอดกับโรงพยาบาลในประเทศไทยและ ส่งมอบให้กับนายจ้าง จากนั้นนายจ้างชาวต่างชาติจะมอบค่าตอบแทนให้ 5 แสนบาท

พล.ต.ต. ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4  เชื่อว่า เป้าหมายปลายทางยังคงเป็นประเทศจีน เพราะจากการตรวจดีเอ็นเอ พบว่า พ่อเด็กทั้ง 2 เป็นคนสัญชาติจีน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเด็กที่เกิดมาจากการอุ้มบุญ ของขบวนการนี้ จะถูกนำไปเลี้ยงเป็นลูก หรือ มีวัตถุประสงค์ในการอื่นใดหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม

ขั้นตอนหลังจากนี้ จะนำตัวเด็กเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง และ นำตัวตรวจสุขภาพ เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ 2558 มาตรา 24 ดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้ามีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งผู้ได้รับผลประโยชน์จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ