แก๊งคนเร่ร่อน ล่ามโซ่ลูกหมา ใช้ขอทาน
สืบบางรัก ตามรวบชายเร่ร่อน ซื้อลูกสุนัข มานั่งขอทาน
คลิปที่พลเมืองดีถ่ายไว้ระหว่างชายเร่ร่อนที่เอาลูกหมาล่ามโซ่ขอทานหน้าวัดหัวลำโพง ถูกตำรวจสน.บางรักสอบปากคำ ชายคนนี้ มีอาการมึนเมา ยอมรับว่าเอาลูกหมามาขอทานจริง แต่อ้างว่า เป็นแค่คนดูแลเฝ้าลูกหมาเท่านั้น เจ้าของตัวจริง คือ คนขายของที่หน้าวัด ชายคนนี้ยังบอกอีกว่า เขาต้องจ่ายส่วยให้เจ้าของลูกหมา วันละ 200 -500 บ. คล้ายกับการเก็บค่าเช่า
ข้อมูลนี้ขัดแย้งกับข้อมูลที่เมื่อวานชายคนนี้ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวพีพีทีวี คือ เมื่อวาน เขาบอกว่า ซื้อลูกหมามาจากจตุจักร แต่วันนี้ บอกว่า ลูกหมาเป็นของคนอื่น
ด้าน พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางรัก บอกว่าชายเร่ร่อน ที่จับกุมได้เมื่อคืนนี้รับสารภาพว่านำลูกหมามาขอทานจริง ทำได้ อ้างว่า ทำมา 2-3 เดือนแล้ว รายได้วันละ 1 พันบาท ข้อมูลนี้ก็ไม่ตรงกับที่ทีมข่าวได้รับจากวินรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ ที่บอกว่า ชายคนนี้ซื้อลูกหมามาล่ามขอทานนานเกือบ 10 ปีแล้ว
ส่วนที่มีการพาดพิงว่ามีแม่ค้าในพื้นที่เป็นคนเจ้าของหมาตัวจริงและมีการเก็บส่วยคนเร่ร่อน พ.ต.อ.วัชรวีร์ บอกว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการขยายผล ซึ่งหากพบว่ามีการทำผิดจริง จะถูกดำเนินตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ต่อไป
ด้านทีมข่าวย้อนกลับไปลงพื้นที่สำรวจบริเวณหน้าวัดหัวลำโพง โดยไปที่จุดที่ชายเร่ร่อน อ้างว่า เป็นร้านขายของที่เป็นเจ้าของหมาตัวจริง จากการสอบถามแม่ค้ารถเข็นที่ขายของอยู่บริเวณประตูทางออกของวัด ซึ่งเป็นร้านข้างๆกับร้านที่ถูกพาดพิง โดยแม่ค้าคนนี้ ให้ข้อมูลว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเร่ร่อน และไม่ทราบข้อมูลอะไร รู้แค่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร้านค้าที่ถูกพาดพิง เคยรับลูกหมาจรจัดมาเลี้ยงไว้ที่ร้านจริง แต่ต่อมาถูกคนเร่ร่อนขโมยไปขอทาน ตอนแรกเจ้าของร้านไม่ยอม แต่เห็นว่าลูกหมา ได้รับการเลี้ยงดูดี เลยปล่อยให้คนเร่ร่อนนำลูกหมาไปเลี้ยงแทน
ระหว่างที่ทีมข่าวพูดคุยกับแม่ค้าคนนี้ พบว่า มีหนึ่งในชายเร่ร่อน ที่เมื่อวานจูงลูกหมา 2 ตัวหนีทีมข่าว โดยลูกหมาทั้งสองตัวที่พบ เป็นลูกหมาสีดำ ที่เคยถูกคนในโลกออนไลน์ถ่ายคลิปไปลงแอปพลิเคชั่น TikTok เป็นที่มาที่ทำให้ทีมข่าวลงพื้นที่ไปทำข่าวนี้ เดินเข้ามาคุยด้วย ชายคนนี้พยายามอ้างว่าคนที่รับเลี้ยงลูกหมา ไม่มีเงินซื้ออาหารให้เลยต้องนำลูกหมาไปขอทานเพื่อนำเงินมาซื้ออาหาร แต่พอทีมข่าวสอบถามว่าเขาใช่คนที่จูงลูกหมาหนีทีมข่าวเมื่อวานนี้หรือไม่ ชายคนนี้ไม่ตอบและเดินหนีไปทันที
ถัดจากนั้น พบว่า มีเจ้าหน้าที่จากศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง บ้านมิตรไมตรีห้วยขวาง ลงพื้นที่ตรวจสอบความเป็นอยู่ของกลุ่มคนเร่ร่อน ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณหน้าวัดหัวลำโพง โดยอาศัยพื้นที่โดยรอบของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสามย่านเป็นที่พัก เพื่อเตรียมวางแผนจัดระเบียบคนเร่ร่อนใหม่ หลังจากก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่เคยลงพื้นที่พูดคุยให้กลุ่มคนเร่ร่อนที่อยู่ตรงจุดนี้ เข้ามาอยู่ในความดูแลของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งแล้วแต่ไม่เป็นผล โดยระหว่างที่ทีมข่าวพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ พบว่า ชายเร่ร่อนคนที่เดินหนีไป พยายามเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถือ คล้ายกับบันทึกภาพอยู่ตลอดเวลา พร้อมโวยวาย ว่า ตัวเองเป็นนักข่าวเก่า อยากจะขอคุยกับนักข่าวใหม่
ขณะที่เจ้าหน้าที่รถไฟฟ้าใต้ดิน เล่าว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามนำแผงเหล็กมากั้น รอบพื้นที่ของสถานี เพื่อกันไม่ให้คนเร่ร่อนเข้ามาใช้พื้นที่ แต่ไม่เป็นผล และหากมีเจ้าหน้าที่มาขอให้ออกไป คนเร่ร่อนกลุ่มนี้จะไม่พอใจ และลงไปยังสถานีด้านล่าง ดังนั้นหากเป็นไปได้ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนี้ด้วย
สำหรับ ลูกหมา 2 ตัว ที่ได้รับการช่วยเหลือ ออกมาก่อนแล้ว ตำรวจมอบให้ นางนิภาวรรณ เจริญผล ซึ่งเป็นคนที่ประสานงานกับ มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์และตำรวจ เบื้องต้นนางนิภาวรรณ ตั้งชื่อลูกหมาทั้ง 2 ตัว ว่า หัวลำโพงและบางรัก โดยตอนนี้สามารถหาบ้านให้ทั้ง 2 ตัวได้แล้ว
ด้าน น.ส.ซาราห์ บินเย๊าะ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เชื่อว่าน่าจะไม่ใช่คนเร่ร่อน น่าจะมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง แต่ประกอบอาชีพขอทาน หลังจากนี้เตรียมติดตามหาที่อยู่ของคนกลุ่มนี้ เพื่อประเมินสภาพปัญหาและวางแนวทางช่วยเหลือ
น.ส.ซาราห์ แนะนำว่า หากชายคนนี้เปลี่ยนวิธีคิด จากการขอทานเฉย ๆ เป็นแสดงความสามารถอะไรบางอย่าง เช่น อาจจะฝึกหมาดี ๆ แล้วแสดงให้หมาปฏิบัติตามคำสั่ง แล้วมาขอบัตรผู้แสดงความสามารถที่สำนักงานเขตในพื้นที่ สามารถมาเปิดหมวกแสดงความสามารถได้ในที่ที่ทางเขตจัดไว้ให้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังแนะนำว่า ผู้บริจาคเงิน ควรให้เงินเฉพาะกับคนที่แสดงความสามารถเท่านั้น หากทำแบบนี้ก็จะช่วยตัดตอนขบวนการขอทานได้
