พระชื่อดังชี้บูชายัญไม่มีในคำสอนพุทธศาสนา
ความคืบหน้า กรณีอดีตพระธรรมกร ฐานธัมโม อายุ 68 ปี อดีตเจ้าสำนักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค ต.ลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ฆ่าตัวตายโดยตัดคอตัวเองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ล่าสุด ยังคงมีประชาชนเดินทางเข้ามาภายในวัดอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ขณะที่มีรายงานว่าที่พักสงฆ์ดังกล่าวไม่ปรากฏพระ ภายในวัดมีเพียงลูกศิษย์ แม่ชี และญาติของคนตายอยู่เฝ้าเท่านั้น
ส่วนทางคดี พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า มีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น ยืนยันตำรวจจะไม่ทำงานตามความเชื่อที่ว่าตัดหัวถวายพระพุทธเจ้า แต่ตำรวจจะทำหน้าที่ตามกฎหมาย เมื่อมีการตายผิดธรรมชาติก็จำเป็นที่จะต้องสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง และนับจากที่เริ่มทำคดี ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้ไปพบเครื่องประหารกิโยตินแล้วภายในวัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดอุดรธานี แต่ยังไม่มีใครออกมายอมรับว่า ใครเป็นคนที่นำเครื่องตัดศีรษะนี้เข้ามาทิ้งเอาไว้แน่ ทางกาารดำเนินคดีจึงต้องแยกออกเป็น 3 ส่วน ที่จะต้องหาตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน
ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของศพ ทั้งก่อนที่จะเป็นศพและหลัง ว่าในช่วงเกิดเหตุนั้นมีใครบ้าง ที่เกิดเหตุ จะต้องรู้ในเรื่องว่าใครอยู่ในที่เกิดเหตุ และ ใครเป็นคนร่วมจัดหาอุปกรณ์ และรวมไปถึงการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ ขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำพยานภายในวัดไว้แล้วจำนน 13 ปาก มีลูกศิษย์ แม่ชี ญาติโยม และญาติคนตาย ที่ให้การเป็นประโยชน์อย่างมาก
ขณะที่ นายอนุชา ภู่เปี่ยมศักดิ์ ปลัดอำเภอเมืองหนองบัวลำภู พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับรูปปั้นเทพกุดหัว เนื่องจากเป็นรูปปั้นที่ไม่เหมาะสม และถ้าหากมีการเผยแพร่ออกสื่อหรือมีประชาชนเดินทางมาเคารพกราบไหว้ ก็กลัวว่าจะเกิดภาพลักษณ์ที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดการเลียนแบบในทางที่ผิด แนวทางหลังจากนี้ยังไม่ทราบว่าจะเป็นการทุบหรือเคลื่อนย้ายเอาไปเก็บไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม เพราะวันนี้เดินทางมาเพื่อคลุมผ้าเอาไว้ก่อน
คณะจังหวัดหนองบัวลำภูฝ่ายธรรมยุต ก็อนุญาตให้ทุบทำลายทิ้งได้ หลังจากนี้ ต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกฝ่ายที่ปฏิบัติธรรมให้ใช้สติ ส่วนประเด็นเหตุจูงใจเพิ่มเติมนั้นก็จะขอให้ทางตำรวจดำเนินการสอบสวนต่อไป
จนท.รัฐจับตาอดีตส.ส.อ้างเป็น"พระศรีอาริย์"