นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ ทีมข่าวพีพีทีวี วิเคราะห์สาเหตุที่ตำรวจไม่สามารถแจ้งกล่าวข้อหาเจตนาฆ่ากับนายไชยพล วิภา หรือ ลุงพล ได้ ว่าเป็นเพราะ พยานหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ อาจยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าเป็นการลงมือฆ่า แต่หลักฐานที่มีเชื่อมโยงว่า นายไชย์พล เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่
ทนายเดชา ย้ำว่าแม้ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันควร ก็มีอัตราโทษสูงเทียบเท่ากับข้อหาฆ่าคนตายเช่นกัน
คดียังไม่จบ! ผบ.ตร.ทิ้งปริศนา เปิดใจ คดีฆาตกรรม "น้องชมพู่" เผยเบื้องหลัง 1 ปี กว่าจะจับ "ลุงพล"
"ลุงพล" ถึง มุกดาหาร ตร.เตรียมคุมตัวฝากขัง
คือ มีโทษจำคุก 3-15ปี ปรับ 6 หมื่นถึง 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทนายเดชา ยังบอกอีกว่า จากหลักฐานที่ตำรวจมีตอนนี้ เชื่อว่า จะสามารถขยายผลไปถึงข้อหาที่หนักกว่าได้ หรืออาจเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่น นอกจากนี้ยังมองว่าระยะเวลา 1 ปี ที่ชุดคลี่คลายคดีทำงาน ไม่ได้ช้า เพราะคดีนี้มีความซับซ้อนทั้งเรื่องพยานที่ต้องสอบปากคำมากกว่า 900 ปาก วัตถุพยานที่เสียหาย หลักฐานหลายอย่างไม่สมบูรณ์ ไม่มีกล้องวงจรปิด
ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่า นายไชย์พลจะได้รับการประกันตัว หลังทีมทนายความประกาศจะยื่นขอประกันตัว ทนายเดชา มองว่า เป็นไปได้ยาก ที่จะได้รับการประกันตัว เพราะที่ผ่านมาผู้ต้องหามีพฤติกรรมคุกคามพยาน
ส่วนกรณีที่ เช้าวันนี้ นายไชย์พล และทนายความ เดินทางจากมุกดาหารเข้ากรุงเทพ และปรากฎตัวที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่าจะมามอบตัว เป็นแผนที่เตรียมมาตั้งแต่ต้น ทนายเดชา วิเคราะห์ว่า นายไชย์พลและทนายความหวังใช้การเข้ามอบตัวเป็นการต่อรองขอประกันตัว รวมถึง อาจมองว่าการมามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำให้ได้รับการปฎิบัติที่แตกต่างจากผู้ต้องหาคดีอื่นๆ ทำให้เกิดภาพวันนี้ขึ้น
ทนายเดชา ยังบอกอีกว่า ตามปกติ เวลาที่ตำรวจออกหมายจับ หมายความว่าหากพบผู้ต้องหาที่ไหนก็ต้องจับที่นั่น แต่กรณีนี้ ผู้ต้องหาอ้างว่ามามอบตัว จึงเชื่อว่าเป็นเทคนิคในการสู้คดี