แอบส่งน้ำกระท่อมเดลิเวอรี่ ให้ผู้กักตัวโควิด-19
ตร.เตรียมออกหมายเรียก แก๊งบิ๊กไบก์ยกล้อ
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปวีดีโอที่ผู้เสียหายถ่ายไว้ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ เพื่อยืนยันว่ากระเป๋าเดินทางของเธอไม่สามารถใส่หมอนจำนวนหลายใบลงไปได้ โดยมีพนักงานโรงแรมกำลังทดลองนำหมอนที่หายไป ยัดใส่เข้าไปในกระเป่าเดินทางของเธอ จากในคลิปจะเห็นว่ารูปทรงของหมอนมีขนาดพอดีกับกระเป๋า แต่สามารถหมอนยัดใส่ลงไปได้เพียง1ใบเท่านั้น จากการทดลองพบว่า หากเธอจะขโมยกระเป๋าจริงตามที่ถูกกล่าวหา เธอจะต้องขนกระเป๋าเดินทางเข้าออกถึง 4 รอบ
ผู้เสียหายได้แชร์เรื่องราว เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ได้เข้าพักที่โรงแรมดัง 5 ดาวแห่งหนึ่ง โดยระหว่างที่เข้าพักเธอได้มีการขอหมอนเพิ่มทั้งหมด 2 รอบ โดยรอบแรกขอเพิ่มจำนวน 3 ใบ และรอบที่สองจำนวน 2 ใบ ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นไปตามปกติในการพักผ่อน และ ออกไปทำกิจกรรม จนกระทั่งวันที่เธอเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม พนักงานได้มีการตรวจเช็คห้องพัก เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยตามปกติ ก่อนจะคืนเงินค่ามัดจำ จำนวนเงิน 2 พันบาทให้กับเธอ
เวลาผ่านมาประมาณ1สัปดาห์มีสายโทรศัพท์จากทางโรงแรมโทรหาแฟนของเธอและสอบถามเรื่อง หมอนจำนวน 4 ใบ ซึ่งตอนนั้นเธอยังไม่ได้เอะใจอะไร และตอบไปตามความจริงว่าเธอขอหมอนเพิ่มมาจริง ๆ แต่จำไม่ได้ว่าจำนวนกี่ใบ จนวันที่27 พฤษภาคม ปรากฏว่ามีหมายศาลส่งมายังหน้าบ้าน ระบุว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาเธอเกี่ยวกับประเด็นเรื่องหมอน 4 ใบ ซึ่งเธอตกใจมาก และพยายามติดต่อกลับไปหาโรงแรมเพื่อสอบถามเรื่องราวดังกล่าว โดยเธอยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนขโมยหมอนไปจริง ๆ และยังตั้งคำถามฝากไปถึงโรงแรมว่าหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีของหายทำไมไม่พูดกับเธอตั้งแต่ก่อนเช็คเอ้าท์ กลับปล่อยให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต อีกทั้งเธอขอให้โรงแรมตรวจสอบกล้องวงจรปิด
“ถึงแม้ว่าโรงแรมจะถอนแจ้งความแล้วค่ะ แต่ว่าเหมือนแบบในอีเมล หรือในจดหมายอะไรแบบนี้อ่ะค่ะก็ยังเหมือนกับว่าเขาไม่ได้บอกว่าเขาเข้าใจเราผิด เขาแค่บอกว่าเขาถอนแจ้งความเพราะกล้องมันเสีย อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราคาใจอยู่ว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น มันเพราะอะไร จริงๆแล้วประเด็นเรื่องของกระเป๋า มันไม่ควรจะยกมาเป็นประเด็นด้วยซ้ำแต่ที่เรายกขึ้นมา เพราะจะได้ทำให้มันง่ายเพราะกระเป๋ามันเอาไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนี้เกิดเราเอากระเป๋าใบใหญ่ไปเราก็ซวยเลยสิค่ะ” หญิงสาวกล่าว
ผู้เสียหาย ยังบอกอีกว่า ถึงแม้ว่าโรงแรมจะถอนแจ้งความไปแล้วเนื่องจากอ้างว่าไม่มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เพราะกรณีดังกล่าวส่งผลให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก แต่จะแจ้งความกลับหรือไม่ ผู้เสียหายบอกคงต้องปรึกษากับทางครอบครัวอีกครั้ง ส่วนตัวอยากให้เรื่องจบเพราะเกรงว่าจะกระทบกับงานของเธอ
โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอทิ้งท้ายอีกว่าคงจะหวาดกลัวกับการไปนอนโรงแรมอีกนาน เพราะไม่เคยคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง หลังจากนี้คงจะระวังตัว และเป็นคนช่างสังเกตมากขึ้น ยืนยันว่าหลังจากนี้หากไปนอนโรงแรมที่ไหนอีกก็จะถ่ายรูปเก็บไว้เยอะ ๆ เพราะจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่ารูปถ่ายสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ