นายมาด มี หรือแม็ค อายุ 32 ปี พ่อค้าเครปญี่ปุ่นชาวเมียนมา พาทีมข่าวลงพื้นที่ปากซอยเรวดี 7 จุดเกิดเหตุเป็นบริเวณลานจอดรถหน้าร้านมินิมาร์ท ซึ่งนายแม็คได้จอดขายเครปญี่ปุ่นอยู่ตรงหัวมุมของปากซอย มีกล้องวงจรปิดอยู่บนเสาไฟฟ้าปากซอย 1 จุด โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 27 มิ.ย. เวลาประมาณ 20.00 น.
นายมาด เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังขายเครปญี่ปุ่นอยู่มีรถแท็กซี่เขียวเหลือง คันหนึ่งมาจอดใกล้กับร้านตน
ถูกชายอ้างเป็นตร.อุ้ม บังคับจ่ายส่วยมาเฟีย
เจ้าของร้านค้า งง! ชายวัยกลางคน อ้างเป็นตำรวจ มาขอเก็บส่วยให้ผู้กำกับฯ
จากนั้นมีชายสวมเสื้อยืดกางเกงยีนต์ขายาวเดินมาหาตนแล้วบอกให้ตนขึ้นรถแท็กซี่ไปด้วยกัน แต่ตนบอกว่าไม่ไป ชายคนดังกล่าวจึงถลกเสื้อขึ้นให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวตนตกใจและกลัวมากจึงต้องจำใจขึ้นรถไป
จากนั้นแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับพาไปจอดบริเวณ ซ.เรวดี1 ซึ่งขณะที่นั่งอยู่ในรถชายคนดังกล่าวได้ชักปืนออกมาขู่ตนถามว่าทำไมถึงไม่ยอมจ่ายเงิน อ้างว่าหากไม่ยอมจ่ายเงินจะไม่ให้ขายของที่นี่ และจะอุ้มฆ่าตน ก่อนที่แม่บุญธรรมที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุจะรีบตามมา ซึ่งเมื่อมาถึงผู้ก่อเหตุไม่ยอมเปิดประตูลงมาเจรจา และได้วกรถกลับพาตนไปปล่อยทิ้งไว้บริเวณปากซอยนนทบุรี 42 พร้อมข่มขู่ให้ระวังตัวให้ดี
นายมาด ยืนยันว่าไม่เคยพบเห็นชายที่อุ้มขึ้นรถแท็กซี่มาก่อน ระหว่างถูกพาเข้าไปในรถตนเห็นอาวุธปืน และกุญแจมือพร้อมถูกข่มขู่สารพัด
นายมาด เล่าอีก ก่อนหน้านี้ตนเคยถูกเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองจากแก๊งมาเฟียที่อ้างตัวว่าเป็นแก๊งลายพราง ดูแลพื้นที่ย่านซอยเรวดีโดยจะเก็บค่าคุ้มครองกับพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นชาวต่างด้าว เป็นเงิน 2,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคนที่มาเก็บจะเป็นชาวเมียนมาเหมือนกัน ชื่อมีคนชื่อนายเด ฟิช อ้างว่ามาเก็บค่าคุ้มครองแทนหัวหน้าที่เป็นตำรวจ จนมาเดือนนี้ตนไม่ได้จ่ายเงินเพราะขายของได้ไม่ดี ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียและตำรวจจึงมาเรียกเก็บเงินเอง ส่วนเพื่อนชาวเมียนมาที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าเคยถูกเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองด้วยหรือไม่ตนไม่ทราบเพราะไม่เคยถามและพูดคุยเรื่องนี้กับใคร
จากการลงพื้นที่ซอยเรวดี ที่นายมาดอ้างว่ามีแก๊งมาเฟียในพื้นที่ ทีมข่าวได้สอบถามผู้ค้าในละแวกนั้นระบุว่าไม่เคยพบเห็นแก๊งมาเฟียเพราะส่วนใหญ่ผู้ค้าในละแวกนี้จะเป็นชาวไทยและค้าขายบริเวณหน้าบ้านของตัวเอง
ขณะที่ นางจำลอง ชูเชี่ยน แม่บุญธรรมของนายมาด บอกว่า ปกติก็มีเจ้าหน้าที่เคยมาขอตรวจเอกสารและบัตรประจำตัวเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อุกอาจขนาดนี้ แม้เธอพยายามขับรถตามไปจะขอเจรจาแต่ผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมเจรจาด้วย ซึ่งขณะนั้นเธอกำลังจะเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายป้ายทะเบียนรถแต่ผู้ก่อเหตุก็ได้ลงมาปัดมือถือเธอจนตกแตก และผลักเธอจนล้มลง ยืนยันว่า ลูกบุญธรรมตนไม่ได้ลักลอบเข้าเมืองมีเอกสารและบัตรประจำตัวครบถ้วน
ส่วนช่วงบ่าย นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา ได้พานายมาด พร้อมแม่บุญธรรม เข้าพบ พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อแจ้งความเอาผิดกรณีดังกล่าใน 2 ข้อหา คือ ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ย และ ข่มขู่คุกคาม
ทนายโป้ง บอกอีกว่า ตนได้ข้อมูลจากชุดสืบสวนชุดหนึ่ง ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง มียศดาบตำรวจแต่ยังไม่เปิดเผยสังกัด โดยนายตำรวจนายนี้อ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตรวจบัตรและเอกสารของแรงงานต่างด้าวตามปกติไม่ได้มีการคุกคามขุมขู่นายมาดแต่อย่างใด
ขณะที่ พ.ต.อ.วนัสชัย ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ระบุภายหลังสอบปากคำนายมาดและแม่บุญธรรมเบื้องต้น จะให้ชุดสืบสวนพิสูจน์หาบุคคลที่กล่าวอ้างเป็นตำรวจ ว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่และอยู่สังกัดใด รวมทั้งติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุทุกจุดเพื่อหามูลเหตุที่แท้จริง ยืนยันหากเป็นผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงก็ไม่ปกป้องจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
หนุ่มร้อง ถูกสารวัตรชุดจับกุมแม่ค้าหอย อุ้มรีดเงิน
แฉชายอ้างเป็นอาสา เรียกค่าทำศพโควิด 2 หมื่น
