คนร้ายฆ่าปาดคอสาวโรงงานระยอง โบกรถหนีเข้ากทม.

ล่ามือฆ่าปาดคอ สาวโรงงานระยอง ขโมยทรัพย์สินหลบหนี

หนุ่มร้านเกมฆ่าสาวแคชเชียร์ อ้างบันดาลโทสะ

โดยเบาะแสสำคัญที่ทีมข่าวได้รับจากผู้จัดการปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ แยกเนินสำลี อำเภอเมือง จังหวัดระยองจะเห็นชายสวมชุดขาว คล้ายไปปฎิบัติธรรม เดินขึ้นท้ายรถกระบะคันนี้ ภาพที่บันทึกไว้ช่วงเช้าวันที่ 7 กันยายน จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายคนนี้โบกรถเพื่อขอเดินทางไปลงที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารระยอง แห่งที่2 ซึ่งอยู่ห่างออกมาอีก 5 กิโลเมตร

หนึ่งในพนักงานปั๊มน้ำมัน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เขาเห็นชายคนดังกล่าว มานั่งอยู่บริเวณด้านหน้าสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน

 

โดยชายคนนี้พูดคุยขอให้เขาไปส่งที่ วัดโขดหิน ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร แต่เขาแจ้งว่าไม่สะดวก เพราะอยู่ในเวลาทำงาน จากนั้นสังเกตเห็นว่า ชายคนนี้ พยายามสอบถามจากลูกค้าที่เข้ามาเติมน้ำมัน โดยบอกว่าจะขอติดรถไปส่งแถวย่าน บขส. จนสุดท้ายขอติดรถรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อสีบลอนซ์เงิน ไปตามคลิปในภาพวงจรปิด พนักงานในปั๊มน้ำมันคนนี้ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของชายคนดังกล่าว มีท่าทีแปลก ๆ ดูหวาดระแวงผิดปกติ เสื้อผ้าเลอะคล้ายดินโคลนสีแดง พูดจาวกไปวนมา ตอบโต้โดยใช้ภาษาอีสาน ซึ่งตนเองก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง

ทีมข่าวเดินทางต่อไปที่ บขส. จุดที่ได้รับเบาะแสจากเด็กปั๊ม สอบถามข้อมูลคนในพื้นที่ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจก็มาตรวจสอบที่นี่ และได้ข้อมูลว่า คนร้าย โบกรถตู้โดยสารคันหนึ่ง มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพไปแล้ว หลังจากนี้ตำรวจต้องติดตามว่า รถตู้คัดดังกล่าว ขับผ่านเส้นทางใดบ้าง และ คนร้ายไปลงรถที่จุดไหน

ทั้งนี้หากไล่เรียงพฤติกรรมของคนร้ายคนนี้ จะพบว่า มีภาพปรากฏตามจุดต่าง ๆ รอบเมือง แต่ละจุดแต่งกายต่างกัน และมีพฤติกรรม คล้ายพยายามอำพรางตัวเอง ช่วงเวลาประมาณ 22.00น. คือวันที่ 6 กันยายน หลังคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธมีดฆ่าปาดคอ น.ส.หยดน้ำ สิงห์ใจ อายุ 23 ปี จนเสียชีวิตที่ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

จุดแรกที่ภาพวงจรปิดจับภาพได้ คือ เวลา 23.56 น. คนร้ายเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดก่อเหตุเป็นเสื้อยืดคอกลมสีดำ สะพายกระเป๋าเป้ เดินอยู่ภายในซอยตลาดโสภณ ก่อนจะขับรถของผู้เสียชีวิตออกมายังสี่แยกมาบตาพุด นั่งพัก บริเวณหน้าบ้านของชาวบ้าน และ นั่งพักที่ม้าหินอ่อน ข้างร้านค้า ชุดนี้ เป็นชุดที่ทำให้ จำรวจมาพบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ทีมข่าวตรวจสอบพบว่า สาเหตุที่คนร้ายจอดรถทิ้ง เพราะ รถจักรยานยนต์ยางแตก

หลังจากนั้นคนร้าย ถอดป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ นำไปทิ้งฝั่งตรงข้ามร้านค้า ก่อนที่จะพลางตัวอีกเป็นครั้งที่2 ซึ่งครั้งนี้คนร้ายสวมใส่เสื้อกางเกงสีขาว คล้ายกับชุดปฏิบัติธรรม และได้นำเสื้อผ้าชุดเดิมใส่ไปในช่องเก็บของใต้เบาะรถจักรยานยนต์

จากนั้นเวลาประมาณ 02.00 น. เช้าวันที่ 7 กันยายน  คนร้ายเดินเท้าต่อมาที่ปั้มน้ำมัน บริเวณแยกเนินสาลี ซึ่งอยู่ห่างจาก สี่แยก มาบตาพุด ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเดินลัดผ่านมาจากทางศูนย์ราชการจังหวัดระยอง

หลังจากนั้น ช่วงเวลาประมาณ  04.30 น. พบคนร้าย ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากปั๊มน้ำมันเดิม 2 กิโลเมตร  โดยคนร้าย เข้ามาซื้อกาแฟ ก่อนจะเดินออกไปนั่งได้ประมาณ 15 นาที และเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับมาไปซื้อมีดโกนหนวด  ก่อนจะเดินออกไปโดนหนวดที่ด้านหน้าของร้านสะดวกซื้อ เพื่อพยายามเปลี่ยนแปลงใบหน้า จากนั้น 15 นาที  เดินกลับเข้าไปซื้อกาแฟ

การแปลงโฉมของคนร้าย ลงรายละเอียดกระทั้งสีของหน้ากากอนามัย ตอนแรกใส่หน้ากากสีดำ มีการเปลี่ยนเป็นหน้ากากสีขาว และเดินหายออกไป ก่อนที่ตำรวจจะพบข้อมูลว่าคนร้ายนั่งรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน มาลงด้านหน้าสถานีขนส่ง ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่พบเบาะแส

พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค2 รักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เปิดเผย ถึงความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด คาดว่า คนร้ายไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดระยองแล้ว เนื่องจาก พบว่าคนร้ายโบกรถตู้เตรียมจะเดินทางเข้ามายังกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า  การแกะรอยค่อนข้างยาก เนื่องจากคนร้ายดูมีความชำนาญในการหลบหนี โดยไม่ทิ้งร่องรอยที่จะเป็นหลักฐานมัดตัวได้ ถ้าหากสังเกตจากพฤติการณ์พบว่า คนร้ายจะพยายามเปลี่ยนเสื้อผ้า ปิดบังลักษณะอยู่บ่อยครั้งหลักเลี่ยงเส้นทางที่เป็นเส้นทางหลักและคาดว่าจะมีกล้องวงจรปิด ทำให้ ต้องใช้เวลาในการติดตาม

ส่วนในวันพรุ่งนี้ชุดสืบสวนสภ.จังหวัดระยอง จะลงพื้นที่ติดตามหาตัวคนร้ายอีกครั้ง คาดว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้ไม่เกิน2วันนี้เบื้องต้นยังคงตั้งปมชิงทรัพย์ แต่ถ้าในการชันสูตรพบ ร่องรอยการถูกกระทำชำเรา ทางเจ้าที่ตำรวจก็มีแนวทางการดำเนินการต่อ