หนุ่มวิศวะ ชิงทองในห้างฯ หาเงินใช้หนี้พนันออนไลน์ เจอตร.เดินช็อปปิ้งไล่จับทันควัน
ชายแกล้งโดนชนที่แท้เป็นโจรชิงแท็กซี่
ผู้เสียหายกว่า 30 คน เข้าพบ พ.ต.ท.ชลิต ทิพย์ธำรง รองผู้กำกับการ สอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราปราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิด ผู้ต้องสงสัย เป็นครูโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ย่านสามเสน หลังถูกหลอกซื้อ-ขาย-ดาวน์ รถยนต์ รถจักรยานต์ยนต์บิ๊กไบค์ แล้วหนี จากนั้น ไม่ยอมผ่อนจ่ายค่างวดตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งมีโดยรถที่ถูกครูคนนี้ซื้อไปรวมมีมากกว่า 60 คัน พร้อมวันนี้ ผู้เสียหายจึงนำเอกสารหลักฐานมอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อติดตามตัว
หนึ่งในผู้เสียหาย คือ นายตันติกร ป้อมสุวรรณ ผู้เสียหาย เล่าว่า ช่วงเดือนกันยายน 2563 ได้โพสต์ประกาศขายดาวน์รถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด ราคา 100,000 บาท ผ่านทางเฟซบุ๊ก เพราะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว จากนั้นครูโรงเรียนเอกชนคนนี้พร้อมภรรยา ติดต่อขอซื้อรถของเขา โดยทั้ง 2 คน ได้อวดมีโปรไฟล์ว่าเอวดประวัติว่า ตัวเองป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนดังและมีธุรกิจร้านอาหาร จึงเชื่อใจ และยอม
จากนั้น จึงตกลงซื้อขายรถกัน พร้อม นัดยื่นเอกสารกันที่หน้าโรงเรียนที่ครูคนนี้สอนอยู่ ช่วงแรกหลังรับ 4-5 งวดแรก ครูคนนี้ได้ส่งค่างวดรถต่อเนื่องตรงเวลาประมาณ 4-5 งวด แต่หลังจากนั้น พบว่า ไม่ส่งค่างวดรถที่เหลือก่อน และล่าสุดขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นายตันติกร กล่าวต่อ หลังรู้ตัวว่าถูกหลอก ได้รวมตัวทำตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊ก พบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกครูคนนี้หลอกอีกมากกว่า 60 คน กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และมีตอนนี้มีผู้เสียหายเข้ามาร่วมกลุ่มเพิ่มมากขึ้น คาดดว่าจะมีเข้ามาเพิ่มอีกหลายคน
ผู้เสียหายคนหนึ่งอีกคน นำภาพรถจักรยานยนต์ยี่ห้อเวสป้า สีดำ ให้ทีมข่าวดู เพื่อยืนยันว่ารถของเขา ถูกครูคนนี้ซื้อไปเช่นกัน และหลังทราบว่าถูกหลอก เขาพยายามตามหารถ และเสิร์ชหาตามร้านขายรถในกูเกิ้ล ปรากฏจนในที่สุดพบว่า รถที่เขาขายให้ครูคนนี้ ถูกเต้นท์รถในประเทศกัมพูชาประกาศขาย เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา
ทีมข่าวนำภาพรถจักรยานยนต์เวสป้าตรวจสอบภาพรถ ที่ถูกเต้นท์รถในกัมพูชาประกาศขาย กับภาพรถเวสป้า ที่ผู้เสียหายคนนี้ถ่ายรูปไว้เมื่อตอนที่ยังไม่ขาย พบว่า ทั้งสีรถ รุ่นรถ ลายสติ๊กเกอร์ อุปกรณ์ตกแต่ง ทุกจุดเหมือนกันหมด และยังอยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปแม้แต่จุดเดียว
ผู้เสียหายอีกคน เป็นชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เขาขายรถยนต์กระบะให้ครูคนนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2564 ซึ่งครูทุกจุด ส่วนรถอีกคันที่ถูกหลอกขาย เป็นรถกระบะ ที่ครูคนก่อเหตุ ไปรับซื้อเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา โดยครูคนนี้เดินทางไปรับรถเอง ที่อำเภอหาดใหญ่ด้วยตัวเอง แต่เพียงวันเดียวพบว่ารถถูกส่งไปยังชายแดนประเทศกัมพูชา แต่หลังซื้อขายกันได้แค่เพียงหนึ่งวัน รถก็ถูกส่งไปที่ จังหวัดสระแก้ว โดย เตรียมส่งข้ามไปประเทศกัมพูชา ซึ่งสาเหตุที่ผู้เสียหายคนนี้รู้ว่ารถถูกส่งไปที่ไหน เพราะในรถยังติดจีพีเอสอยู่
โดยเอกสารติดตามรถจากจีพีเอส บันทึกข้อมูลตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2564 รถของผู้เสียหายคนนี้ ขับออกจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เวลาประมาณ 7.30 น. จากนั้นอีกวัน คือ วันที่ 20 กันยายน 2564 เวลา 13.32 น. ปรากฏข้อมูลว่า รถคันนี้ไปจอดอยู่ที่ ต.โนนหมากมุ่น อ.กิ่งโคกสูง จ.สระแก้ว เป็นชายแดนระหว่างประเทศ จากนั้นวันที่ 21 กันยายน เป็นวันสุดท้ายที่สามารถจับสัญญาณจีพีเอสของรถคันนี้ได้
โดยตำแหน่งในจีพีเอส ระบุพิกัดที่รถอยู่ คือฝั่งสุดท้าย ที่พบรถ คือ อยู่ในประเทศกัมพูชา เมื่อตรวจสอบในกูเกิ้ลเอิธ์ร พบว่า อยู่ในจุดจุดดังกล่าวมีลักษณะคล้ายโกดัง จากนั้นไม่สามารถติดตามรถได้อีกเลย
ผู้เสียหาย ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งพวกเขาก็มีความผิดฐานยักยองทรัพย์ เพราะรถส่วนใหญ่ยังติดไฟแนนซ์ และขายโดยไม่เปลี่ยนสัญญา
ส่วนครูโรงเรียนเอกชนกับภรรยา ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้ติดต่อไปที่โรงเรียนแห่งนี้แล้ว ซึ่งทางโรงเรียนชี้แจงว่า ครูคนนี้มีตัวตนอยู่จริง และเป็นครูที่โรงเรียนนี้จริง แต่วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ครูคนนี้ได้ยื่นเอกสารสำคัญให้กับผู้บริหารแล้ว ก่อนจะไม่พบตัวอีกเลย
สำหรับคดีนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหาย จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานเสนอผู้บังคับบัญชา
