ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานปฏิบัติธรรม วิโมกสิวาลัย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นายตนุภัทธ เลิศทวีวิทย์ หรือ ปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ โรเบิร์ต ได้ลาสึกจากบวชพราหมณ์ หรือโยคี แบบเงียบๆหลังจากที่ทั้งคู่ครบกำหนดบวช 15วัน อย่างไรก็ตามสถานปฏิบัติธรรมไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพใดๆ
โดยบรรยากาศบริเวณหน้าธรรมสถานวิโมกศิวาลัย ในวันนี้เป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงแม่ชีและพราหมณ์เก็บกวาดทำความสะอาดอยู่ด้านใน
แต่แหล่งข่าวที่สำนักปฎิบัติธรรมได้ให้ข้อมูลว่า ปอกับโรเบิร์ตได้ทำการลาสึกเป็นที่เรียบร้อย ที่สำนักปฎิบัติธรรมแห่งนี้ ในเวลาประมาณ 10.00 น. ก่อนจะเดินออกจากวัดพร้อมรถตู้ 2 คัน ซึ่งไม่ทราบว่าจะเดินทางไปยังที่ใดเนื่องจากทั้งคู่เลือกที่จะสึกแบบเงียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจจากสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ต้องจับตาว่าทั้ง 2 คน จะเดินทางไปรายงานตัวกับพนักงานสอบสวนตามกำหนดในวันที่ 2 เม.ย.หรือไม่
ส่วนที่กระทรวงยุติธรรม นายนิติธร ล้ำเหลือ กลุ่มประชาชนคนไทย พร้อม น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้แก้ไข พ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ.2559 เพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม จากกรณีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ดาราสาวชื่อดัง
นายนิติธร กล่าวว่า คดีนี้ทำให้ตนเองเห็นช่องว่างทางด้านกฎหมาย ที่ควรแก้ไข 3 ประเด็นคือ 1.บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในมาตรา 258 กำหนดให้การสอบสวนต้องใช้ประโยชน์จากนิติวิทยาศาสตร์ และให้มีหน่วยงานที่เป็นอิสระด้านนิติวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 2 หน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอย่างมีทางเลือก แต่ปัจจุบันมีคณะนิติวิทยาศาสตร์หน่วยงานเดียว มีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน มาร่วมเป็นคณะกรรมการจึงมองว่าไม่มีความเป็นอิสระในการตรวจสอบ
2.เมื่อประชาชนร้องเรียนผ่านคณะกรรมการฯ พิจารณาตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางนิติวิทยาศาสตร์นั้น คณะกรรมการจะดำเนินการรับเรื่องหรือไม่ก็ได้ เช่น ผู้ร้องยื่นตรวจสอบ 4 เรื่องแต่อาจรับพิจารณาเพียง 1 เรื่อง อีกทั้งกระบวนการมีความล่าช้า อาจส่งผลให้ข้อเท็จจริงบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากสภาพเดิม และอาจพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่ได้อีกต่อไป
และ 3.แก้ไขพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ.2559 มาตรา 5 (4) ซึ่งคดีแตงโมเข้าวงเล็บนี้ คือ เมื่อคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วตามกฎหมายไม่ได้กำหนดให้นำผลชันสูตรมาประกอบสำนวนหรือไม่ก็ได้ แต่จะต้องแก้ไขให้รายงานผลชันสูตรซ้ำ ก่อนเข้าประกอบสำนวนทุกราย
นอกจากนั้นนายนิติธร ยังแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเก็บพยานหลักฐานของตำรวจว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเด็นการเก็บเรือสปีดโบ๊ตคันเกิดเหตุ ซึ่งมีการนำเรือไปตากแดด จึงอาจทำให้หลักฐานบนเรือบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปด้วย และเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้หลักฐานบางอย่างเรือนลางหายไป ส่วนประเด็นเรื่องที่ดีเอสไอจะนำคดีนักแสดงสาวเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น ตนเองก็มีความคาดหวังว่าอยากให้รับเป็นคดีพิเศษ เพราะมองว่าเป็นคดีที่ยากและมีความซับซ้อน
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลเหลือเวลาทำงานอีกประมาณ 1 ปี ในการแก้กฎหมายแต่ละฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งยอมรับว่าอาจจะไม่ทันเวลา แต่จะเป็นแนวทางเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ โดยเฉพาะการแก้ไขสัดส่วนคณะกรรมการนิติวิทยาศาสตร์ ที่มีตำรวจเข้ามาร่วมด้วย จึงอาจมองว่าไม่เป็นอิสระในการทำงาน และเมื่อการผ่าชันสูตรศพออกมาแล้วนั้น ต้องนำผลเข้าพิจารณาทุกครั้ง เพื่อให้พิจารณาเห็นชอบหรือไม่ โดยตนยินดีและพยายามแก้ไขให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมายให้ดีที่สุด และได้ทำความเข้าใจกับผู้ร้องแล้ว
โดยหลังจากนี้จะเตรียมตั้งคณะทำงานเพื่อกลั่นกรองประเด็นต่างๆ ก่อนดำเนินการต่อไป