โจ ไบเดน กับ เศรษฐกิจไทยที่ต้องเตรียมรับมือ
ผู้ว่า ธปท. เตือนไทยวางยุทธศาสตร์การค้า เหตุ “ทรัมป์-ไบเดน” นโยบายชาตินิยม
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากผลการนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐฯ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต จะเข้ามาตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของประเทศ ซึ่งอาจเป็นการพลิกโฉมของนโยบายเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลกนั้น
ล่าสุด นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความตึงเครียดของสงครามการค้าน่าจะคลี่คลายลง อาจไม่ได้ยุติโดยสิ้นเชิง แต่จะมีความแน่นอนมากขึ้น ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐฯ จะมีการเก็บภาษีคนรวยเอาไปช่วยผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ก็ถือเป็นความชัดเจน มีความแน่นอนมากขึ้น เหมือนกับการตอบรับจากตลาดหุ้นทั่วโลก เมื่อเศรษฐกิจโลกดีขึ้น การส่งออกของไทยก็ย่อมดีขึ้นตามไปด้วย ส่วนเรื่องนโยบายน้ำมันของก็จะเน้นไปที่พลังงานทดแทนเพื่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าพลังงานถ่านหิน ซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันช่วงระยะสั้น ระยะกลาง ในปีนี้ และปีหน้าจะทรงตัวเหมือนกับในปัจจุบัน ไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากจนเป็นปัญหา
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ทิศทางของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 หวังว่าเมื่อทิศทางเศรษฐกิจโลกมีความแน่นอนขึ้น นโยบายมีความชัดเจน การผ่อนคลายของสงครามการค้า สิ่งเหล่านี้จะทำให้สภาพเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รวมถึงความหวังในการค้นพบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ ปตท.ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ขณะที่นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กับคู่ค้า มีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้นกว่าอดีต[MOS] และจะเดินไปยังทิศทางที่เสรีมากขึ้น มีแนวโน้มที่สหรัฐฯจะเข้าเป็นสมาชิก CPTPP เพื่อสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง ซึ่งผู้ประกอบการไทย จำเป็นจะต้องพัฒนาสินค้าตัวเองมากขึ้นเพื่อรองรับกติกาที่อาจจะเปลี่ยนแปลง
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) มองว่า มีโอกาสที่ไบเดนจะนำสหรัฐกลับมาอยู่ในกติกาขององค์การการค้าโลก (WTO) รวมถึงการเข้าร่วม CPTPP ค่อนข้างแน่นอน เพื่อคานอำนาจจีนที่เป็นผู้นำในอาร์เซ็ป ทั้งนี้ หากไทยไม่เข้าร่วม CPTPP อาจทำให้ไทยเสียขีดความสามารถในการแข่งขันได้