ราคาทองวันนี้ – 11 พ.ย. 63 ปรับราคา 6 ครั้ง
"11.11" เทศกาลวันคนโสด กับที่มา วันของการช้อปปิ้งระดับโลก
หุ้นไทย (11 พ.ย.63) ดัชนีหุ้นไทย ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,352.30 จุด เพิ่มขึ้น 11.06 จุด (+0.82%) มูลค่าการซื้อขายราว 65,867.52 ล้านบาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในกรอบแคบ แม้ยังรับ Sentiment บวก แต่ 5 วันมานี้ดัชนีขึ้นไปราว 150 จุดแล้วจึงอาจเผชิญแรงขายทำกำไรบ้างบริเวณแนวต้าน 1,350-1,360 จุด แต่รูปแบบขาขึ้นยังไม่จบรอบหากไม่หลุด 1,320 จุด แต่ถ้าหลุดก็อาจปรับตัวลงไปได้ ดังนั้น ต้องรักษาระดับไว้ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหลังจากตอบรับพัฒนาการวัคซีนโควิด และนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไปแล้ว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ บางตลาดพักตัวบ้างแต่ส่วนใหญ่ยังเคลื่อนไหวในแดนบวกได้มากกว่า ส่วนบ้านเราตอนนี้ให้หันมาจับตาปัจจัยการเมืองในประเทศ และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯอาจเงียบเหงาลง และมีการเวียนกลุ่มเล่นหลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปมากแล้ว ดังนั้นดัชนีฯคงจะแกว่งในกรอบแคบลง พร้อมให้แนวรับ 1,330 จุด ส่วนแนวต้าน 1,360 จุด
นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ แม้จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างในตลาดหุ้นสิงคโปร์ และตลาดหุ้นมาเลเซีย แต่ตลาดในแถบเอเชียเหนือก็ยังบวกได้ราว 1% จากเม็ดเงินที่ไหลเข้า ซึ่งก็ยังมองว่าเม็ดเงินน่าจะไหลเข้ามาตลาดในแถบเอเชียใต้ด้วย เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ขานรับความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 และยังได้แรงหนุนจากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันดิบก็ยังปรับตัวขึ้นมาได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราเมื่อวานนี้ก็มีแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติมากถึงกว่า 18,000 ล้านบาท ทำให้น่าจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดฯได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาตลาดบ้านเราก็ underperform อยู่ แต่ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราก็ถือว่าปรับตัวขึ้นไปมาถึง 150 จุด ก็อาจจะมีการพักตัวในระหว่างทางได้
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามทิศทาง Fund Flow และติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ส่วนการปรับน้ำหนัก MSCI ที่เกิดขึ้นก็อาจจะทำให้มีแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวก่อนถึงวันมีผลบังคับใช้สิ้นเดือน
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,330-1,360 จุด
ขณะที่ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) เนื่องจากข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยังคงจูงใจให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากความคืบหน้าของวัคซีนยังคงทำให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเคยได้อานิสงส์จากการที่ประชาชนต้องทำงานที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,420.92 จุด เพิ่มขึ้น 262.95 จุด หรือ +0.90% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,553.86 จุด ลดลง 159.93 จุด หรือ -1.37% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,545.53 จุด ลดลง 4.97 จุด หรือ -0.14%
