กลุ่มตัวอย่างค่อนข้างสนใจ ติดตามข่าวการเลือกตั้งครั้งนี้ ร้อยละ 58.38 เพราะมีผลต่อเศรษฐกิจโลก ร้อยละ 73.80 และ ร้อยละ 48.36 เห็นว่าหลังการเลือกตั้งเศรษฐกิจ ไทยน่าจะดีขึ้น
ทวิตเตอร์เตรียมโอนบัญชีปธน.สหรัฐฯ ให้ไบเดนในวันสาบานตน
นอกจากนั้นแล้ว ยังมองว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เรื่องที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่างสำหรับการเมืองไทยได้ ร้อยละ 60.84 มองว่า ผู้นำประเทศต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และสิ่งที่คนไทยได้เรียนรู้จากการเลือกตั้งสหรัฐฯ คือ ได้รู้จักระบบการเลือกตั้งของต่างประเทศ ร้อยละ 67.52
ขณะเดียวกัน สิ่งที่อยากฝากถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ คือ ร้อยละ 64.73 อยากให้ โจ ไบเดน เป็นผู้นำประเทศและผู้นำโลกที่ดี
จะเห็นได้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ชาวสหรัฐอเมริกาตื่นตัวอย่างมาก มีผู้ใช้สิทธิล่วงหน้ามากที่สุดในรอบ 100 ปี ผลคะแนนที่พลิกไปมา ทำให้ทั่วโลกต่างจับตาและติดตามผลการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด
"ไทยเองก็ยังคาดหวังว่าประธานาธิบดีคนใหม่ น่าจะช่วยให้ทิศทางเศรษฐกิจของไทยนั้นดีขึ้นไม่มากก็น้อย แสดงให้เห็นว่าคนไทยให้ความสนใจและมีความหวังว่าประเทศไทย จะได้รับผลทางบวกจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้"
“แคลิฟอร์เนีย” เริ่มเคอร์ฟิวคุมโควิด-19 หลังยอดติดเชื้อพุ่ง
แต่แม้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า นายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต จะได้รับชัยชนะ ซึ่งส่งผลต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง น้ำมัน ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก แม้กระทั่งในประเทศไทยต่างขานรับ ในเชิงบวกต่อชัยชนะดังกล่าว แต่ผลกระทบในระดับเศรษฐกิจโลก เราคงต้องย้อนไปดูแนวนโยบายของพรรคเดโมแครต
ในยุคโอบามา ขณะนั้น ไบเดน เป็นรองประธานาธิบดีอยู่และมีความเป็นไปได้ว่า นโยบายเหล่านั้นจะได้รับการสานต่อ ในยุคของเขา เช่น การประกาศลดค่าเงินดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ การกลับเข้าร่วมข้อตกลงกรุงปารีสเพื่อลดโลกร้อน การใช้นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ การหวนกลับไปสู่กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคอย่าง TPP ซึ่งนโยบายเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลไทยจะต้องจับตา อย่างใกล้ชิด