กมธ.คมนาคม จี้ หน่วยงานขยายสัมปทานบีทีเอส ทำความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กมธ.คมนาคม ขีดเส้น 1-2 สัปดาห์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีมหาดไทยเสนอ ครม.อนุมัติขยายสัญญาสัมปทาน 30 ปี รถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ บีทีเอส หากข้อมูลฟังไม่ขึ้น หรือมีนัยยะสำคัญ จ่อเสนอ “ป.ป.ช.-สตง.-รัฐบาล”สอบทันที

นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)คมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการเสนอขยายต่ออายุสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกไปอีก 30 ปีให้กับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอต่อครม.เพื่อขอความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนว่า ภายหลังจากที่มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้ง กรุงเทพมหานคร(กทม.) สำนักบริหารหนี้ กรมการขนส่งทางราง(ขร.) กระทรวงคมนาคมกระทรวงการคลัง มาชี้แจงถึงแนวทางและเหตุผล รวมถึงข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ยอมรับว่า ข้อมูลที่ได้ทางกมธ.คมนาคมมองว่ายังไม่มีความชัดเจนที่สามารถตรวจสอบหรืออ้างอิงที่มาที่ไปที่จะรับฟังได้หากมีการต่อขยายอายุสัญญาสัมปทานให้เอกชน ว่า ประโยชน์ที่แท้จริงประชาชนและภาครัฐได้ประโยชน์อย่างไร  

“มานะ” จี้ รัฐบาล-บีทีเอส กางแผนสัมปทาน 30 ปี ให้ประชาชนรับรู้

ดังนั้นทางกมธ.คมนาคม สภาฯจึงได้ทำหนังสือออกไปเพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรถึงหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อตอบคำถามในสิ่งที่ทาง สภาฯได้ถามไปให้ตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษร  ซึ่งตามกำหนดได้ให้ส่งกลับมายังสภาฯภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ หลังจากนั้นทางกมธ.คมนาคม สภาฯ จะมาสรุป เพื่อมาประมวลข้อมูลทั้งหมด ก่อนที่กมธ.คมนาคม จะสรุปผลทั้งข้อดี ข้อเสีย เหตุผลในทุกๆด้านมาประกอบ ซึ่งหากพิจารณาและสรุปออกมาแล้วทางกมธ.ยังพบว่าไม่เป็นประโยชน์กับประชาชนหรือภาครัฐ หรือสุ่มเสี่ยงไปในทางที่ไม่โปร่งใส ทางกมธ.คมนาคม สภาฯ จะส่งผลสรุป ไปยังหน่วยงานที่ตรวจสอบความไม่โปร่งใส ประกอบด้วย สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ,คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)และ รัฐบาล

สำหรับสาเหตุที่ต้องทำความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้เป็นลายลักษณ์อักษร เนื่องจาก ที่ผ่านมาที่เรียกมาชี้แจง แสดงความเห็น กลับพบว่า มีบางหน่วยงานให้ข้อมูลที่ไม่มีความชัดเจน ไม่หนักแน่นพอ ประกอบกับการขยายต่ออายุสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปอีก 30 ปี แลกกับค่าโดยสารที่ 65 บาทตลอดสาย ในขณะที่สัญญาสัมปทานที่ กทม. มีกับ บีทีเอส นั้นจากเดิมจะสิ้นสุดในปี 2572 หากมีการขยายจะไปสิ้นสุดในปี 2602 ขณะที่มีการอ้างว่า หากต่อขยายสัญญาเพื่อให้ทันตามแผนการเปิดให้บริการเดินรถไฟสายเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคตช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ มีความต่อเนื่องในการเดินทาง โดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายขบวนรถ รวมถึงได้รับความสะดวก ปลอดภัย และค่าโดยสารที่เหมาะสม  

กทม. ยอมรับ ไม่มีเงินจ่าย 8,000 ล้าน ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย

อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ ในทางปฎิบัติหากไม่มีการต่อขยายสัญญา โครงการดังกล่าวจะตกเป็นของภาครัฐอยู่แล้ว และหากในอนาคต รัฐบาลมีรถไฟฟ้าหลายสายหากจะมีการเชื่อมต่อระบบระหว่างกัน จะทำให้มีการควบคุมราคาหรือลดราคา โดยการใช้ตั๋วร่วม ในทางนโยบายของรัฐบาลทำได้ยากทันที  

ดังนั้นเรื่องนี้ทางสภาฯจึงมองว่าเป็นเรื่องสำคัญขณะเดียวกันทางสังคมได้มีการติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ในฐานะนิติบัญญัติ เมื่อได้ข้อมูลมาทางกรรมาธิการคมนาคม สภาฯจึงต้องมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมองว่า หากมีการต่อขยายอายุสัญญา ให้กับเอกชน ถือเป็นการเพิ่มนัยยะที่สำคัญของสัญญาทันที โดยที่ไม่มีการเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามาดำเนินการหลังหมดสัญญา

“ประเด็นสำคัญเรื่องนี้ มีการพิจารณาตามข้อกฎหมายว่า การขยายสัมปทานดังกล่าว เข้าข่ายเป็นแค่การต่อสัญญา หรือการแก้ไขสัญญาที่มีนัยยะสำคัญ  เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีเส้นทางต่อเชื่อมระยะทางเพิ่มขึ้น การกำหนดราคาค่าโดยสารเพิ่มขึ้น ที่อ้างว่ามีการสอบถามความเห็นของประชาชนบางส่วนแล้ว และรับได้กับราคาดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง การคำนวณค่าโดยสารจะต้องมีการนำข้อมูลฐานผู้ใช้บริการมาคำนวณกับดัชนีราคาผู้บริโภคต่างๆเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด” นายโสภณ กล่าว

“ยุทธพงศ์” แฉ “ปรีดี” ลาออกรมว.คลัง ปมสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว

 

 

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ