ผู้ว่าฯระนอง โร่แจง หลังหนุ่มโวย สถานที่กักตัวคล้ายตึกร้าง ไร้ไฟฟ้า-น้ำ
อย.ดำเนินคดี 'กาละแมร์ - พัชรศรี' 7 คดี โอ้อวด โฆษณาอาหารเสริมเป็นเท็จ
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าที่เช่าที่ห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ (JJ mall) กว่า 50 คนในวันนี้ เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาออกมาเคลื่อนไหว เพื่อยื่น 3 ข้อเสนอให้ช่วยเหลือ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จนทำให้ยอดขายหายไปราว 70-80%
โดย 3 ข้อเสนอที่ผู้ประกอบการต้องการ คือ 1.ลดค่าเช่าร้าน 50 % ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม2564 2.งดการปรับค่าเช่าเป็นเวลา1ปี และ 3.ปรับรูปแบบทางเข้า-ออก ให้ลูกค้าเดินผ่านร้านได้มากขึ้น เพื่อหวังเพิ่มยอดขาย โดยผู้ค้าที่ออกมาเคลื่อนไหวระบุว่า หากเจ้าของพื้นที่ไม่ยอดลดค่าเช่าให้ ผู้ค้าจะทยอยยกเลิกสัญญา ทำให้ตลาดเงียบกว่าเดิม
ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าตลาดปลา เจเจมอลล์ ยังชี้แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ เคยทำหนังสือไปยังเจ้าหน้าที่ตลาดปลาแล้ว เมื่อตุลาคม 2563 แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงนำมาสู่การรวมตัวในวันนี้ กระทั่งช่วงบ่ายมีตัวแทนจากตลาดปลา คือ นายชันษา วิทยาเอนกนันท์ ฝ่ายกฎหมาย ห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนะวัน ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ที่ดูแลพื้นที่ตลาดปลา ออกมารับหนังสือข้อเสนอ พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทมีนโยบายในการลดค่าเช่าดูแลผู้ประกอบการอยู่แล้ว เพียงแต่รูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล ทำให้การดำเนินการอาจจะล่าช้า โดยเบื้องต้นบริษัทรับข้อเสนอของผู้ค้าไว้พิจารณาและจะให้คำตอบกับผู้ค้าภายใน 7 วัน
ส่วนอีกกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหววันนี้ คือ กลุ่มร้านนวดแผนไทย โดยได้รวมตัวกันยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอ 3 ข้อเรียกร้อง ประกอบด้วย 1. ขอให้พิจารณาผ่อนปรนให้เปิดกิจการได้ ภายใต้มาตรการเดียวกับร้านเสริมสวยและคลินิกเวชกรรม 2.สร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพและไม่มีมาตรการสั่งปิดอีก รวมถึงให้ความเข้าใจกับสังคมว่าร้านนวดไม่ใช่สถานที่เสี่ยง และสุดท้ายขอให้มีมาตรการที่ชัดเจนในการเยียวยา เพราะแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง ไม่ได้รับมาตรการชดเชยที่เพียงพอ
ขณะเดียวกันภาพรวมของเศรษฐกิจตรอกข้าวสาร ทีมข่าวได้คุยกับ นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ช่วงปกติตรอกข้าวสารมีรายได้รวมเฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 รายได้หายไปถึงร้อยละ 90 นักท่องเที่ยวหลักที่เป็นชาวต่างชาติกว่า 80% ลดลงจนไม่เหลือเลย จึงอยากให้ภาครัฐมีความชัดเจนเรื่องมาตรการเยียว ไม่อย่างนั้นผู้ประกอบการ ก็จะไม่รอด
ทั้งนี้ภายหลังการระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ในไทย ทีมข่าว PPTV รวบรวมกลุ่มที่เคยออกมาเคลื่อนไหว จากการได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 ถึงตอนนี้ พบว่ามีอย่างน้อย 6 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่ 3 ธ.ค.63 สมาคมคราฟท์เบียร์ฯ ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค ค้าน กฎหมายห้ามซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออนไลน์ เพราะถือเป็นการตัดช่องทางหลักในการขายช่วงโควิด-19 ต่อมา 8 ม.ค.64 นักดนตรีอิสระยื่นหนังสือเรียกร้องรัฐบาลเยียวยา 5,000 บาท 3 เดือน พร้อมพักชำระหนี้ และในวันเดียวกันสมาคมแพทย์แผนไทยฯ ยื่นหนังสือขอรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลเนื่องจากสั่งปิดร้านนวด ร้านสปา แต่ค่าเช่ายังต้องจ่ายอยู่ ถัดมา 12 ม.ค.64 สมาคมรถตู้โดยสารสาธารณะฯ ยื่นข้อร้องเรียนต่อสื่อขอให้รัฐบาลช่วยพักชำระค่างวด และวันเดียวกันสมาพันธ์แรงงานแท็กซี่ไทย ยื่นหนังสือให้รัฐพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างสาธารณะ และกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวล่าสุดวันที่ 15 ม.ค.64 คือสมาคมคราฟท์เบียร์ฯ ยื่นหนังสือซ้ำอีกครั้ง ถึงนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเยียวยา หลังถูกสั่งห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์นั่งดื่มในร้าน จนกระทั่งวันนี้ (18 ม.ค.64) มีผู้ค้าเจ เจ มอลล์ และ กลุ่มร้านนวดแผนไทย ออกมาเคลื่อนไหว
โดยในวันพรุ่งนี้ (19 ม.ค.) กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับรายละเอียดมาตรการเยียวยาประชาชนในโครงการ “เราชนะ” ที่จะให้เงินช่วยเหลือ 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน รวมเป็นเงิน 7,000 บาท ซึ่งจะมีความชัดเจนในเรื่องเงื่อนไขการลงทะเบียน และคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับเงินเยียวยา รวมถึงช่องทางการลงทะเบียนและรับเงินเยียวยา
