บทเรียน GAMESTOP พลังรายย่อยสั่งสอนรายใหญ่ สะเทือนนักลงทุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีท


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เมื่อตลาดถูกเปลี่ยนเป็น MONEY GAME และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือไม่ และกรณีแบบนี้จะเกิดได้กับตลาดหุ้นไทย หรือไม่

หุ้นไทย (2 ก.พ.64) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,486.25 จุด เพิ่มขึ้น +8.20 จุด

ราคาทองวันนี้ –2 ก.พ. 64 ปรับราคา 5 ครั้ง

ปรากฏการณ์ GameStop  ที่กำลังถูกพูดถึงในช่วงที่ผ่านมาซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอย่างมาก โดยมีจุดมาจากเ มีผู้ใช้งานในเว็บ Reddit ห้อง wallstreetbets ที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่คล้ายเว็บพันทิปในบ้านเราซึ่งพูดคุยเรื่องการซื้อขายหุ้น ได้โพสต์วิเคราะห์ว่า หุ้น GameStop ที่เป็นร้านขายเครื่องเกมส์ และแผ่นเกมส์ที่แนวโน้มธุรกิจกำลังถูก Disrupt จากที่ผู้บริโภคซื้อเกมส์ผ่านช่องทางดิจิตอล ส่งผลให้ราคาหุ้นของ GameStop ร่วงลง จากประมาณ 45 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงกลางปี 2015 เหลือเพียงประมาณ 4 ดอลลลาร์/หุ้นในช่วงกลางปี 2020 เท่านั้น 

ต่อมา หุ้นของ GameStop เริ่มมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2020 เป็นต้นมา เมื่อ ไรอัน โคเฮน (Ryan Cohen)  นักลงทุนรายใหญ่และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Chewy เริ่มทยอยซื้อหุ้นของ GameStop เพราะเชื่อว่า GameStop ยังมีอนาคตอยู่หากปรับตัวและมุ่งหน้าสู่การขายช่องทางออนไลน์ จากนั้น GameStop จึงตั้งใช้เขาเป็นหนึ่งในกรรมการผู้จัดการ (Board of Director) ของบริษัท ส่งผลให้หุ้นของ GameStop พุ่งขึ้นกว่า 11% ในวันเดียว จนมาอยู่ที่ 19.94 ดอลลาร์/หุ้น และพุ่งขึ้นไม่หยุด จนส่งผลให้ มูลค่าบริษัทของ GameStop เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในเวลาเพียง 6 เดือนจากช่วงกลางปี 2020

ต่อมานักลงทุนสถาบันในวอลล์สตรีทเริ่ม เห็นแล้วว่าราคาหุ้นที่ 35.5 ดอลลาร์/หุ้น  เป็นราคาที่สูงไปในระยะเวลาสั้นๆ  ทำให้นักลงทุนจากวอลล์สตรีทจำนวนมากคาดว่าไม่นานราคาหุ้นของ GameStop น่าจะร่วงลงจึงฉวยโอกาสนี้ หาหนทางทำกำไรจากราคาหุ้นที่น่าจะสูงเกินจริงของ GameStop โดยพวกเขาใช้วีธีที่เรียกว่า การขายชอร์ต หรือ short selling 

การ short selling  คือ การยืมหุ้นคนอื่นมาขายก่อนตอนนี้ แล้วค่อยซื้อหุ้นมาคืนในวันหลัง คือนักลงทุนในวอลล์สตรีทมองว่าหุ้น GameStop ที่ราคา 35.5 ดอลลาร์/หุ้น  แพงเกินไป อนาคตราคาน่าจะร่วงลง  พวกนี้เลยไปยืมหุ้น GameStop จากคนอื่นที่มีหุ้นอยู่มา แล้วขายในตลาดหุ้นทันทีที่ราคา 35.5 ดอลลาร์/หุ้น ถ้าในอนาคตข้างหน้าราคาหุ้นของ GameStop ร่วงลงจริง นักลงทุนที่ short sell หุ้นตัวนี้ก็จะกำไร

แต่ปรากฏว่า ราคาหุ้นของ GameStop กลับพุ่งสูงขึ้นแทน จากการที่ชาวชุมชนใน Reddit ชักชวนนักลงทุนรายย่อยคนอื่นให้ซื้อหุ้นตัวนี้ ส่งผลให้ราคาปรับตัวจากระดับ 39 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากวันที่ 19 มกราคม 2564 ขึ้นไปที่ 347 ดอลลาร์ ในวันที่ 27 มกราคม 2564 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 789% โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ เรียกได้ว่ากองทุน Ark Invest หรือ Bitcoin ที่สร้างผลตอบแทนได้สูงมากในปีก่อน ก็เทียบไม่ติดเลยทีเดียว จนเกิดปรากฏการณ์ "รายย่อยสั่งสอนรายใหญ่ สะเทือนนักลงทุนตลาดหุ้นวอลล์สตรีท"

ซึ่งการที่นักลงทุนรายย่อยร่วมแรงร่วมใจดันราคาหุ้นขึ้นไปทำให้บริษัทที่เงินทุนจำกัดต้องจำใจปิดสถานะทั้งที่ขาดทุน โดยการที่ต้องนำเงินไปซื้อหุ้นในตลาดมาคืน หรือถูก “Short Squeeze” ก็ยิ่งเป็นการเร่งให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปอีก โดยสื่อต่างประเทศคาดว่าผู้ที่ทำการ Short sell ในครั้งนี้จะเสียหายราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท

และจากกรณีนี้เลยดูเหมือนว่าสงครามในตลาดการเงินที่รายย่อยได้โต้กลับนักการเงินใน Wall street โดยเฉพาะกลุ่ม Hedge Fund นั้นจะเริ่มขยายวงกว้าง 

นายศรชัย สุเนต์ตา  กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Officer บริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด ได้วิเคราะห์ปรากฏการณ์ หุ้น GameStop  ว่า  GameStop Short Squeeze จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากแค่ไหน

โดยปกติแล้วหุ้นที่ไม่ได้มีน้ำหนักในดัชนีสูงจะไม่ค่อยกระทบกับตลาดหุ้นในภาพรวมเท่าใดนัก แต่ในครั้งนี้ เพราะว่ามีกองทุนอย่าง Melvin Capital ซึ่งมีผู้ร่วมลงทุนอย่างบริษัท Citadel และ Point 72 ได้ทำการ Short sell หุ้น GameStop ไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อจะหากำไรหากหุ้นปรับตัวลดลง 

แต่ในทางกลับกันหากหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจะสามารถขาดทุนมากกว่าเงินต้นที่ลงทุนไว้ เพราะหุ้นนั้นราคาปรับลดลงได้ไม่ต่ำกว่า 0 แต่ตอนปรับตัวขึ้นนั้น กลับไม่มีเพดานจำกัดไว้ หรือเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่ “จำกัดกำไร แต่ไม่จำกัดขาดทุน”

คำถามที่สำคัญก็คือ ปัจจุบันคนที่ Short Sell นั้นยอมแพ้ หรือปิดสถานะหรือยัง เพราะหากยังไม่ปิดสถานะกองทุนจะต้องมีเงินใหม่เข้ามาเพื่อค้ำเป็นหลักประกันหรือสำรองไว้เพื่อซื้อหุ้นที่ยืมไปขายล่วงหน้ามาคืน ซึ่งวิธีง่ายที่สุดก็คือการที่กองทุนจะขายหุ้นตัวอื่นที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนเพื่อมาชดเชยนั่นเอง แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือตลาดหุ้นทั่วโลกอาจปรับตัวลดลงได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้

นอกจากนั้น นักลงทุนรายย่อยเมื่อเห็นวิธีการเช่นนี้ได้ผลกับหุ้น GameStop ก็เลยทำให้มีการชักชวนซื้อหุ้นขนาดเล็กเช่น หุ้น Koss ผู้ผลิตหูฟัง หุ้นโรงหนัง AMC และหุ้น Blackberry ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเหล่านี้ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในระยะเวลาอันสั้น

ไม่นับกับการที่ผู้มีชื่อเสียงหลายคนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้ง Michael Burry ผู้ที่ทำกำไรจากเหตุการณ์ Hamburger Crisis ในปี 2008 หรือที่เราอาจรู้จักจากหนังเรื่อง “The Big Short” ที่ได้มีกำไรจากการลงทุนในหุ้น GameStop กว่า 1,500% หรือ Elon musk เจ้าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ก็มีการใช้ Twitter พูดถึงหุ้น GameStop และไม่เห็นด้วยกับการที่วงการ Wallstreet ทำการออกกฏไม่ให้นักลงทุนซื้อหุ้น GameStop เพื่อกันการปั่นหุ้น แต่ไม่มีการห้ามนักลงทุนสถาบันในการซื้อหรือทำการ Short Sell

เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของฟองสบู่ตลาดหุ้นหรือไม่ 

การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหุ้น GameStop นั้นนอกเหนือจากปัจจัยที่ชาวชุมชน Reddit รวมกันไล่ซื้อหุ้นแล้วยังมาจากปัจจัยของตัวเศรษฐกิจเองด้วย ทั้งการที่ภาครัฐออกนโยบายกระต้นเศรษฐกิจอย่างล้นหลาม โดยมีการแจกเงินช่วยเหลือรายเดือนให้กับคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และสภาวะดอกเบี้ยต่ำ และการที่ผู้คนมีการ WFH มากขึ้นทำให้มีนักลงทุนรายย่อยซื้อขายหุ้นผ่านทางแอพพลิเคชั่นมากขึ้น ประกอบกับตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นทำ New High ได้ก็ยิ่งทำให้คนที่ได้กำไรจากตลาดหุ้นรู้สึกฮึกเหิมว่ากำไรได้มาง่าย ก็ยิ่งเอาเงินเข้ามาใส่ตลาดหุ้นเพิ่มเข้าไปอีก

ด้วยปัจจัยที่กล่าวมานั้น เป็นการบ่งบอกถึงการเริ่มต้นภาวะฟองสบู่ที่มาจากกลุ่มหุ้นขนาดเล็กก่อน โดยเรายังไม่เห็นฟองสบู่เข้าไปในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่กว่า และปัจจัยพื้นฐานดี ทำให้ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากไม่สามารถทำการไล่ซื้อได้เหมือนหุ้น GameStop

แต่สิ่งที่ต้องจับตาดูคือการที่นักลงทุนรายย่อยยังมีการใช้ Leverage ทั้งการซื้อหุ้นด้วย Margin หรือลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) มากอยู่หรือไม่ โดยจากผลสำรวจของนักลงทุนรายย่อยในช่วงเดือนกันยายนมีนักลงทุน 43% ที่ลงทุนโดยใช้ Margin หรือซื้อ Options หรือการเปิดบัญชีนักลงทุนใหม่ที่ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น RobinHood แอปฯ เทรดดิ้งหุ้นนั้นยังมีคนดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นกว่าหกแสนรายในช่วงอาทิตย์ผ่านมา

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นสัญญาณที่เราเห็นว่าตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะฟองสบู่มากขึ้น ซึ่งนักลงทุนควรจะต้องระมัดระวังอย่างมากหากจะเข้าลงทุนในหุ้นที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในช่วงนี้ และหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงหากธนาคารกลางเริ่มดึงสภาพคล่องออกจากระบบนั้นก็จะเป็นการที่ฟองสบู่อาจจะแตกได้ในท้ายที่สุด

กรณีหุ้น GameStop จะเกิดกับตลาดหุ้นไทยเราหรือไม่

ตลาดหุ้นไทยนั้นค่อนข้างแตกต่างกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะเรามีจำกัด Floor / Ceiling ที่ให้หุ้นปรับตัวขึ้นลงได้ไม่เกินวันละ 30% รวมถึงการที่หากเห็นการเก็งกำไรในหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ทางตลาดหลักทรัพย์ก็มีการใช้มาตรการประกาศ Cash Balance ให้ต้องใช้เงินเต็มจำนวนในการซื้อขายหุ้นเท่านั้นเพื่อลดภาวะเก็งกำไรในตลาด อีกทั้งสถานะ Short Sell ของหุ้นไทยนั้นยังมีสัดส่วนที่น้อย และไม่สามารถทำการ Naked Short ได้ ทำให้ภาวะฟองสบู่ที่จะเกิดจากการถูก Short Squeeze เหมือนกรณีหุ้น GameStop ค่อนข้างจะทำได้ลำบาก

สุดท้ายอยากให้ย้อนกลับมามองว่า เป้าหมายที่เราเข้ามาในตลาดหุ้นนั้นเพื่ออะไร ถ้าหากเป้าหมายคือการลงทุน ไม่ใช่การเก็งกำไรนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหุ้นหรือฟองสบู่ที่คนส่วนใหญ่กำลังไปเข้าร่วมอยู่ เพราะการลงทุนนั้นไม่ใช่ดูเพียงราคาแต่เราต้องดูถึงคุณภาพและมูลค่าสิ่งที่เราลงทุนด้วย เพื่อที่เราจะสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องได้บรรลุเป้าหมาย

 

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ