นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงภาพรวมทั้งปี 63 เศรษฐกิจไทยหดตัว 6.1% เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 2.3 ในปี 2562 "ถือว่าต่ำสุดในรอบ 22 ปี นับจากในสมัยวิกฤติต้มยำกุ้งที่เศรษฐกิจหดตัวถึง -7.6%"
แนวโน้มหุ้นไทย (15 ก.พ.64) ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,522.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.37 จุด
วัคซีนโควิด-19 ปัจจัยชี้ชะตาเศรษฐกิจปี 64
สำหรับ ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4/63 หดตัว -4.2% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการหดตัว -6.4% ในไตรมาส 3/63 และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วเศรษฐกิจไตรมาส 4/63 จะขยายตัว 1.3% จากไตรมาส 3/63 เนื่องจากการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนกลับมาขยายตัว การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้าลดลงในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่การใช้จ่ายและภาคลงทุนภาครัฐขยายตัว
ขณะเดียวกันได้ ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 64 เหลือเติบโต 2.5-3.5% จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 3.5-4.5% โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ แนวโน้มกำรฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ การกลับมาขยายตัวของอุปสงค์ภาคเอกชนในประเทศ และ การปรับตัวตามฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี 2563 ขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 5.8% การอุปโภคบริโภคเอกชนและการลงทุนรวมขยายตัว 2.0% และ 5.7% ตามลำดับ
ในส่วนของข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงปี 2564 ยังเป็นความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 และความเสี่ยงจากประสิทธิภาพการกระจายวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ความไม่แน่นอนด้านประสิทธิภาพของวัคซีนในการตอบสนองต่อการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะกับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์
รวมถึงความเสี่ยงจากสถานการณ์ภัยแล้ง การใช้จ่ายภาคครัวเรือนและธุรกิจและภาคแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตลอดจนความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก