แนวโน้มหุ้นไทย (23 ก.พ.64) ปิดการซื้อขาย ที่ระดับ 1,500.61 จุด เพิ่มขึ้น 22.47 จุด
เผยแพร่
ปรับปรุงล่าสุด
แนวโน้มหุ้นไทย (23 ก.พ.64) ปิดการซื้อขาย ที่ระดับ 1,500.61 จุด เพิ่มขึ้น 22.47 จุด (+1.52%) มูลค่าการซื้อขาย 86,126.12 ล้านบาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์หลังจากร่วงแรงเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
เซอร์ไพรส์ ! อนุทิน เผยวัคซีน “แอสตราเซเนกา” 117,000 โดส มาพร้อม “ซิโนแวค” 24 ก.พ. นี้
นักวิชาการ แนะขายสินค้าช่วยอำนวยความสะดวกสบาย ตอบสนองวัยรุ่นยุค 2021
ขณะที่ตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้แกว่งไซด์เวย์ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สยืนแดนบวกได้เล็กน้อย ขณะรอติดตามถ้อยแถลงประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในคืนนี้ โดยจับตามุมมองเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หากมีโอกาสที่เงินเฟ้อกลับขึ้นมาเร็วก็อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็วกว่าคาด แต่มุมมองตลาดในขณะนี้คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปีนี้ ดังนั้น หากตลาดผันผวนก็เป็นโอกาสสะสมหุ้นได้
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราวันนี้ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นได้ดีหลังจากราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ต่างก็ปรับขึ้นเกือบทุกประเภท นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจากความคาดหวังวัคซีนโควิด-19 จะเข้ามาในวันพรุ่งนี้ แต่ต้องระวังเพราะมองว่าผลงานในปีนี้จะยังขาดทุนอยู่
ปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมา และเงินเฟ้อของยูโรโซนที่จะทยอยออกมาในคืนนี้ ประกอบกับมุมมองประธานเฟดในคืนนี้จับตาเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ส่วนบ้านเราให้ติดตามวัคซีนโควิด-19 จะเข้ามาเมื่อไร และปัจจัยการเมืองที่มีการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเย็นวันนี้
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.) นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ และอาจเผชิญความผันผวนได้ในระหว่างทาง พร้อมให้แนวรับ 1,485-1,490 จุด โดยมีแนวรับหลักที่ 1,475 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,510-1,515 จุด โดยมีแนวต้านหลักที่ 1,530 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
OR มูลค่าการซื้อขาย 5,822.48 ล้านบาท ปิดที่ 31.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
STA มูลค่าการซื้อขาย 5,023.38 ล้านบาท ปิดที่ 47.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 4,002.44 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,615.82 ล้านบาท ปิดที่ 64.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
MINT มูลค่าการซื้อขาย 2,415.74 ล้านบาท ปิดที่ 31.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังปรับตัวลงไปมาก สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.7-1% จากการเก็งถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในคืนนี้อาจพูดในเชิงผ่อนคลายนโยบาย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) วันนี้ทรงตัวแถว 1.37% จากเมื่อวานนี้ 1.39% ชะลอลงเล็กน้อยเพื่อรอการส่งสัญญาณของเฟด
เปิดสถิติใช้อินเทอร์เน็ตคนไทย ปี 2020 "ช้อปเก่ง โอนเก่ง"
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานให้ปรับขึ้น และมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวหลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะมีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาไม่ค่อยดี โดยส่วนใหญ่ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ และยังต้องจับตาดูว่าเฟดจะฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็อาจจะทำให้ตลาดผันผวน
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกรภัทร กล่าวว่า ดัชนีฯมีโอกาสลดช่วงบวกลงจากแรงขายทำกำไร พร้อมให้แนวรับ 1,477-1,460 จุด ส่วนแนวต้าน 1,496-1,500 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
OR มูลค่าการซื้อขาย 3,765.27 ล้านบาท ปิดที่ 31.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
STA มูลค่าการซื้อขาย 3,675.17 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,305.67 ล้านบาท ปิดที่ 40.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,695.72 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,265.67 ล้านบาท ปิดที่ 114.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
แนวโน้มหุ้นไทย (23 ก.พ.64) เปิดการซื้อขาย 1,488.72 จุด เพิ่มขึ้น + 10.58 จุด (+0.72%) มูลค่าการซื้อขาย 4,130.39 ล้านบาท คาด กว่ง Sideway Down คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในแดนลบเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่ รับแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนในประเทศที่จะยังขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไปกดดันหุ้นขนาดใหญ่
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Down คล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ในแดนลบเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่ รับแรงกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนในประเทศที่จะยังขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไปกดดันหุ้นขนาดใหญ่ โดย MSCI ก็จะมีการปรับพอร์ตลงทุนจะมีผลในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ซึ่งจะลดน้ำหนักหุ้นไทยราว 41 ล้านเหรียญฯ และล่าสุดฟุตซี่ก็ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลงราว 120 ล้านเหรียญฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 19 มี.ค.นี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่ ประกอบกับ Fund Flow ก็ยังเป็นลักษณะไหลออกจากเอเชียอย่างต่อเนื่อง
ราคาทองวันนี้ – 23 ก.พ. 64 ปรับราคา 3 ครั้ง
อัปเดต ลงทะเบียน "ม33เรารักกัน" สำเร็จ 7.4 ล้าน เปิดข้อสำคัญก่อนรับสิทธิ 15 มี.ค.ต้องทำ 3 อย่าง
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯที่สูงขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา Bond yield กึขึ้นมาทำนิวไฮที่ 1.361% ทำให้มีความกังวลเงินเฟ้อจะสูงขึ้น และกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ส่วนบ้านเราก็มีปัจจัยการเมืองรบกวนจากการชุมนุมทางการเมืองในวันนี้ และช่วงหลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ออกมาไม่ค่อยดี แต่ก็ยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง จากความกังวลอากาศเย็นทำให้ปริมาณการผลิตหายไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมาที่ 3.8% เมื่อคืนที่ผ่านมา และยังคาดการณ์เศรษฐกิจฟื้นตัวจะทำให้ Demand น้ำมันสูงขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่ลดลง และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ มีการผ่อนคลายการคุมเข้มมากขึ้นน่าจะช่วยปัจจัยบวกได้บ้าง
ทั้งนี้ คืนนี้ให้ติดตามประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะแถลงต่อสภาคองเกรส ซึ่งให้จับตามุมมองทิศทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย พร้อมให้แนวรับ 1,470-1,466 จุด ส่วนแนวต้าน 1,485-1,493 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,521.69 จุด เพิ่มขึ้น 27.37 จุด (+0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,876.50 จุด ลดลง 30.21 จุด (-0.77%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,533.05 จุด ลดลง 341.42 จุด (-2.46%)
ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 24.74 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 129.86 จุด ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (23 ก.พ.) เนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ก.พ.) ปิดที่ 61.49 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.25 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.พ.) อยู่ที่ 2.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาท เปิด 29.99 แข็งค่าจากวานนี้ ตลาดจับตาตัวเลขส่งออกไทย-ถ้อยแถลงประธานเฟด
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline
ติดตามข่าววันนี้ได้ที่นี่ >> www.pptvhd36.com/tags/ข่าววันนี้