
แนวโน้มหุ้นไทย (4 มี.ค.64) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,534.11 จุด ลดลง -9.29 จุด
เผยแพร่
แนวโน้มหุ้นไทย (4 มี.ค.64) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,534.11 จุด ลดลง -9.29 จุด (-0.60%) มูลค่าการซื้อขายราว 108,854.87 ล้านบาท
สายเที่ยวเฮ! “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3 เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ ขยายเวลาใช้สิทธิถึง ก.ค.
3 ปัจจัยหลักพาเศรษฐกิจไทยทยอยปรับตัวดีขึ้นหลังโควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย
ราคาทองวันนี้ – 4 มี.ค. 64 ปรับราคา 9 ครั้ง
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบกัน หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯออกมาดี ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐกลับมาปรับตัวขึ้นสูงอีกครั้ง แล้วไปกดดันตลาดภูมิภาค
ส่วนตลาดบ้านเราถือว่าเป็นการย่อตัวลงหลังจากที่ขึ้นไปแรงวานนี้ ซึ่งหากดัชนีฯย่อตัวลงแล้วไม่หลุดแนว 1,530 จุด ถือว่าทิศทางยังใช้ได้ โดยตลาดฯยังเป็นลักษณะของการเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัว พร้อมให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในคืนนี้ จับตาในเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันจะมีการพิจารณาออกมาอย่างไร
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,530-1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,357.06 ล้านบาท ปิดที่ 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 2,621.69 ล้านบาท ปิดที่ 29.25 บาท ลดลง 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,222.69 ล้านบาท ปิดที่ 66.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,193.51 ล้านบาท ปิดที่ 40.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,938.29 ล้านบาท ปิดที่ 21.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบกัน หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯได้ปรับตัวขึ้นสูงอีกหลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์สูงขึ้น ทำให้ไปกดดันตลาดอีกรอบ ส่งผลให้ตลาดบ้านเรามีโอกาสที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรได้ในระหว่างทางเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ
เช็กสิทธิเราชนะ ประกาศผลคัดกรอง 5 แสนคนกลุ่มพิเศษเฮ! เงินก้อนแรกเข้า 5 มี.ค. เปิดไทม์ไลน์ 2 กลุ่ม
มีแน่นอน! เยียวยา ขรก. - ลูกจ้างรายได้น้อย
ทั้งนี้ แรงซื้อที่เข้ามาที่หุ้นไทยวานนี้มาจากประเด็นการจะเปิดเมืองและมาตรการต่าง ๆ อย่างเรื่องของวีซ่าพาสปอร์ต ซึ่งหากออกมาจริงก็จะทำให้คนสามารถเดินทางได้เลยไม่ต้องรอนาน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นมาได้ดีกว่าตลาดภูมิภาค เพราะก่อนหน้านี้มีการอั้นหุ้นบิ๊กแคปมาพักใหญ่ แต่พอมีแรงซื้อเข้ามาที่หุ้น CPALL ก็มีการเข้ามาซื้อหุ้นอื่นตาม
อย่างไรก็ดี วันนี้จะต้องติดตามผลการประชุมโอเปกพลัส เพราะจะมีผลต่อราคาน้ำมัน และให้ติดตามการนำเสนอข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนที่ได้รายงานงบฯไปแล้ว เพราะจะมีผลต่อราคาหุ้น
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,535-1,550 จุด
สถานการณ์ต่างประเทศ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 31,270.09 จุด ลดลง 121.43 จุด หรือ -0.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,819.72 จุด ลดลง 50.57 จุด หรือ -1.31% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,997.75 จุด ลดลง 361.04 จุด หรือ -2.70%
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนเปิดลบวันนี้ 3,546.64 จุด ลดลง 30.26 จุด หรือ -0.85% ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวลงตามกันเช้านี้ โดยได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง เปิดลบในวันนี้ ที่ 29,525.48 จุด ลดลง 354.94 จุด หรือ -1.19% ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล แอมะซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดลบในวันนี้ เปิดตลาดที่ระดับ 29,198.42 จุด ลดลง 360.68 จุด หรือ -1.22% ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ลดลงเมื่อคืนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นอีกครั้ง หุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงเช้านี้นำโดยกลุ่มข้อมูลและการสื่อสาร, กลุ่มขนส่งทางอากาศ และกลุ่มโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก
สัญญาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะไม่มีมติเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันนี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 61.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 64.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.35 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.27/31 บาท/ดอลลาร์
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline