หุ้นไทย (23 เม.ย.64) ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,553.59 จุด ลดลง 14.62 จุด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หุ้นไทย (23 เม.ย.64) ปิดการซื้อขาย 1,553.59 จุด ลดลง -14.62 จุด(-0.93%) มูลค่าการซื้อขายราว 86,151.91ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้แรงฉุดจากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้น และวิตกว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จากโมเมนตัมที่มีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นได้ต่อ ทำให้ดัชนีฯไม่สามารถดีดกลับขึ้นไปได้ ส่งผลให้ดัชนีฯลงลึกมาแตะแนวรับสำคัญที่ 1,550 จุด จากที่ไม่มีแรงซื้อเข้ามาหนุน แต่ถ้าหากในช่วงสุดสัปดาห์จำนวนผู้ติดเชื้อชะลอการเพิ่มขึ้นก็อาจจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์หน้าสามารถฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง

โออาร์-บางจาก ลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด มีผลตีห้าวันพรุ่งนี้ (24 เม.ย.)

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดในแถบเอเชียเหนือจะปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ติดลบหลังจากมีการล็อกดาวน์ในประเทศ ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบเล็กน้อยราว 0.1% ตามตลาดสหรัฐฯที่ติดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา โดย PMI ภาคการผลิตของยุโรปออกมาดี

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ หากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาในสัปดาห์หน้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งสัปดาห์หน้าก็มี SCC, DELTA, SCGP, HMPRO ซึ่งงบฯน่าจะออกมาดี ซึ่งจะช่วยหนุน Sentiment การลงทุนให้กลับมาได้ นอกเหนือจากที่จะต้องติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ก็ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,540-1,533 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,570 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,394.98 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 5.00 บาท

STGT มูลค่าการซื้อขาย 2,962.93 ล้านบาท ปิดที่ 44.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

STA มูลค่าการซื้อขาย 2,927.20 ล้านบาท ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 2.50 บาท

SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 2,140.79 ล้านบาท ปิดที่ 82.00 บาท ลดลง 1.50 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,019.39 ล้านบาท ปิดที่ 62.25 บาท ลดลง 1.25 บาท

หุ้นไทย (23 เม.ย.64) ปิดการซื้อขายเช้า ระดับ 1,556.79 จุด ลดลง 11.42 จุด (-0.73%) มูลค่าการซื้อขายราว 45,351.82 ล้านบาท

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงจากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิดในประเทศที่พบผู้ติดเชื้อเร่งตัวขึ้นกว่า 2,000 ราย ทำให้ตลาดเซลง โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้อง และหุ้นกลุ่มธนาคารที่แม้จะมีผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด แต่ปัญหาการแพร่ระบาดโควิดทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแผ่วลง นอกจากนี้ สัญญาณทางเทคนิคไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพราะดัชนีฯไม่ควรหลุดแนว 1,560 จุด

โควิด-19 รอบใหม่ ทำเศรษฐกิจเสียหาย 2 แสนล้านบาท

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ หลังสหรัฐฯมีแผนจะปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุนเพิ่มอีกเกือบสองเท่า แม้จะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับบ้านเรา แต่หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวต่ำโอกาสที่จะเห็นการปรับเพิ่มประมาณการกำไรคงจะเป็นไปได้ลำบาก ส่วนตัวเลขการส่งออกของไทยที่ขยายตัว 8.7% ถือว่ายังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่เติบโตได้ดีกว่า

พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีขึ้น และติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ และความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีนมาเพิ่มเติม

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ภาพรวมเป็นลบ ส่วนหนึ่งตอบรับ Sentiment จากสหรัฐหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแนวคิดปรับขึ้นภาษี ประกอบกับอยู่ในช่วง Sell on fact กลุ่มแบงก์หลังประกาศผลประกอบการอาจมีการปรับฐานลงมาในระดับหนึ่ง

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทะลุ 2 พันราย และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่การฉีดวัคซีนยังทำได้ช้า จึงทำให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นรายได้หลักของเศรษฐกิจไทยด้วย เป็นแรงกดดันตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง

หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งหุ้นกลุ่มแบงค์ที่ประกาศผลประกอบการออกมาครบเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีแรงขายออกมา ส่วนหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า จากปัจจัยด้านการระบาดที่ส่งผลให้คนกังวล และยังขาดความเชื่อมั่นในการกลับไปใช้บริการอาจกระทบต่องผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 แต่กลุ่มโรงพยาบาลคาดว่าจะมี Momentum บวก

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายพัชัย กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังเคลื่อนไหวในแดนลบ พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,568 จุด

ส่วนนายธนเดช กล่าวว่า ถึงแม้ตลาดจะปรับฐานแต่คาดว่าจะยังไม่หลุดแนวรับที่ 1,550 จุด ส่วนแนวต้านความหวังที่จะกลับไปปิดบวกคงยาก ให้แนวรับอยู่ที่ 1,572 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

STGT มูลค่าการซื้อขาย 2,204.44 ล้านบาท ปิดที่ 44.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

STA มูลค่าการซื้อขาย 2,126.68 ล้านบาท ปิดที่ 47.25 บาท ลดลง 1.50 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,047.66 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 1,262.72 ล้านบาท ปิดที่ 82.25 บาท ลดลง 1.25 บาท

INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,063.80 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

เปิดการซื้อขาย 1,563.85 จุด ลดลง -4.36 จุด  (-0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 11,598.80 ล้านบาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวลง ตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากประธานาธิบดีโจ  ไบเดน แห่งสหรัฐ จะเสนอให้มีการปรับขึ้นอัตราภาษีส่วนเพิ่ม (marginal income tax rate) จาก 37% เป็น 39.6% และปรับขึ้นภาษีกำไรที่ได้จากการลงทุน (capital gains tax) เพิ่มอีกเกือบ 2 เท่า จาก 20% เป็น 39.6% สำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี ส่วนผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาคงอัตราดอกเบี้ย และดำเนินนโยบายตามเดิม

อัปเดต “เราชนะ” ให้สิทธิเพิ่ม 2.4 ล้านคน เหตุผลที่ไม่ต้องลงทะเบียน ตรวจสอบสิทธิภายใน 13 พ.ค. 64

วัคซีนโควิด “สปุตนิก วี” ยังไม่ผ่านการรับรองยุโรป แต่ยอดสั่งซื้อสูง เผยประสิทธิภาพเพิ่ม 97.6%

นอกจากนี้ ดัชนี SET วานนี้ปิดต่ำกว่าระดับ 1,570 จุด ซึ่งในทางเทคนิคถือว่าไม่ค่อยดี อีกทั้งช่วงนี้มีการจองหุ้น IPO ขนาดใหญ่ อย่างหุ้น IPO ของบมจ.เงินติดล้อ และสัปดาห์หน้าก็จะมีขาย IPO อีกตัวหนึ่ง ซึ่งจะดึงสภาพคล่องออกไปชั่วคราว

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง และมีการเสียชีวิตทุกวัน ส่วนนอกประเทศให้ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นภาคการผลิต และภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยประกาศออกมา และยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันนี้

พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ