หุ้นไทย (13 พ.ค.64) ร่วงหนักกว่า 70 จุด ก่อนกลับมาปิดที่ 1,548.13 จุด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หุ้นไทย (13 พ.ค.64) ตลอดบ่ายร่วงหนัก ล่าสุดก่อนปิดการซื้อที่ 1,548.13 จุด (-1.51%) ลดลง -23.72 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 143,710.97 ล้านบาท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าดัชนีปรับตัวลดลงรุนแรงถึงราว 70 จุดในช่วงท้ายภาคบ่ายวันนี้ เป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ เห็นได้จากตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐก็ปรับตัวลดลงมามาก 2 วันติ  ขณะที่วันนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ปรับตัวลดลงกว่า 2%

สธ.ดีเดย์ มิ.ย.64 วอล์กอินฉีดวัคซีนโควิดได้ ไม่ต้องจอง ที่ไหนพร้อมเริ่มได้เลย!

คลัสเตอร์ใหม่ !! แคมป์คนงานแจ้งวัฒนะ ติดแล้ว 196 คน

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ

จากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่พุ่งขึ้น วิตกธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดทำ QE เร็วกว่าคาด แต่นายริชาร์ด แคลริดา รองประธาน เฟด ออกมาระบุว่าตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนเม.ย.ไม่ได้ทำให้เฟดมีแผนเปลี่ยนแปลงแนวทางการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโต พร้อมระบุว่าเฟดยังจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนพิจารณาเรื่องการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

ส่วนตลาดบ้านเราในการเทรดภาคบ่ายได้เกิด Panic แรงขายออกมาอย่างหนัก จนหลุดแนวรับสำคัญ 1,550 จุด ทำให้มีแรงขายหนักออกมาเพิ่มอีก ส่วนหนึ่งมาจาก Block Trade ที่ทำงานทันทีหลังดัชนีฯร่วงลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้นักลงทุนต่างชาติอาจจะตกใจจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่เร่งตัวขึ้น จึงขายลดความเสี่ยงก่อน อีกทั้งการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI ที่ออกมาราว 400-500 ล้านเหรียญฯ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติจะต้องปรับพอร์ตการลงทุนด้วย

ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศขายสุทธิออกมาแล้วระดับหนึ่ง และวันนี้ก็คาดว่าจะขายออกมาเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นที่โดนเทขายหนักวันนี้เป็นหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็ก แต่หุ้นขนาดใหญ่อย่างหุ้น PTT และ KBANK สามารถยืนได้ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนอาจโยกเม็ดเงินไปพักไว้ที่หุ้นขนาดใหญ่ก่อนก็เป็นได้

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) นายกิติชาญ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ได้ในกรอบจำกัด โดยมีแนวรับ 1,520-1,500 จุด ส่วนแนวต้านไว้ที่ 1,550 จุด พร้อมให้ติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ และทิศทางตลาดต่างประเทศ รวมถึงการเทรดของบรรดากองทุน

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 6,435.90 ล้านบาท ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง 2.75 บาท

TIDLOR มูลค่าการซื้อขาย 5,998.81 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

STA มูลค่าการซื้อขาย 4,382.07 ล้านบาท ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 2.25 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,250.57 ล้านบาท ปิดที่ 122.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

STGT มูลค่าการซื้อขาย 3,506.38 ล้านบาท ปิดที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

ขณะที่ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นไทยช่วงบ่ายปรับตัวลงแรงทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างปรับตัวลง และตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ก็ปรับตัวลงราว 1.8-1.9% จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่สูงขึ้นมาก ทำให้ Sentiment ภาพรวมของสินทรัพย์เสี่ยงต่างปรับตัวลง ซึ่งหุ้นไทยก็ปรับตัวลงไปด้วย

ก่อนปิดการซื้อขายครึ่งชั่วโมงร่วงไป กว่า 50 จุด

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศถือว่าทรงตัว แม้จำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้จะเร่งตัวขึ้น แต่ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อในเรือนจำ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังถือว่าสูง

ทั้งนี้ ดัชนีฯได้หลุดแนวสำคัญลงมาทั้งแนวรับสำคัญ 1,550 จุด หลุด Low เดิมทั้ง 1,547 และ 1,544 จุด ทำให้มีแนวรับถัดไป 1,530 จุด ถ้ายังเอาไม่อยู่ Downside จะเปิดทันที ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,547-1,550 จุด

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ติดลบ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯออกมาสูงมากกว่าคาด ทำให้วิตกธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดการใช้วงเงิน QE ลงเร็วกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน นักลงทุนเกิดความกังวลจึงขายปรับลดพอร์ตลงทุนก่อน เพราะปริมาณเงินลงทุนในระบบมีโอกาสลดลง

ออมสินปล่อยกู้บรรเทาความเดือดร้อน รายละ 10,000 บาท

โควิดวันนี้ +4,887 เสียชีวิต 32 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 1.93 ล้านโดส หมอเผย 89.19% ไม่แพ้เลย 13 คน แพ้แรง!

ส่วนบ้านเราก็มีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดกว่า 4 พันราย และจำนวนผู้เสียชีวิตยังสูงกว่า 30 รายต่อวัน ทำให้นักลงทุนยังไม่มีความมั่นใจที่จะเข้าลงทุน พร้อมกันนี้ยังอยู่ในช่วงทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะต้องติดตามต่อไป ซึ่งสัปดาห์นี้จะประกาศออกมาอีกหลายบริษัทฯ

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายชัยยศ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังผันผวนในแดนลบ โดยมีแนวรับ 1,550-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,563.89 ล้านบาท ปิดที่ 58.50 บาท ลดลง 2.25 บาท

TIDLOR มูลค่าการซื้อขาย 2,407.79 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

STA มูลค่าการซื้อขาย 2,368.40 ล้านบาท ปิดที่ 47.00 บาท ลดลง 1.75 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,964.03 ล้านบาท ปิดที่ 120.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

STGT มูลค่าการซื้อขาย 1,725.17 ล้านบาท ปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

สถานการ์ช่วงเปิดการซื้อขาย

หุ้นไทย (13 พ.ค.64) เปิดซื้อขาย 1,556.57 จุด  ลดลง 15.28 จุด (-0.97%) มูลค่าการซื้อขาย 17,075.69 ล้านบาท (เมื่อเวลา 10.13 น.) ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าปรับตัวลงไปมากกว่า 20 จุดจากแรงขายหุ้นใหญ่ หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งขึ้นอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ และลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

ราคาทองวันนี้ – 13 พ.ค. 64 ปรับราคา 4 ครั้ง รวมลดลง 50 บาท

หุ้นไทย (12 พ.ค.64) ปิดซื้อขายที่ระดับ 1,571.85 จุด ลดลง -7.08 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวนตามตลาดต่างประเทศแกว่งตัวแรง

โดยตลาดหุ้นดาวโจนส์ร่วงหนัก แต่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียติดลบเล็กน้อย หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ดีดตัวขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.51 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% ทำให้เกิดความกังวลอาจจะมีการลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรายังน่าจะได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาดีมาก ทำให้มองว่าแม้ตลาดจะผันผวน แต่ก็ไม่น่าจะเกิด Downside มากนัก พร้อมแนะติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และการทยอยประกาศงบฯช่วงโค้งสุดท้ายต่อไป

พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 จุด

สถานการณ์ต่างประเทศ

ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,587.66 จุด ลดลง 681.50 จุด (-1.99%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,063.04 จุด ลดลง 89.06 จุด (-2.14%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,031.68 จุด ลดลง 357.75 จุด (-2.67%)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 30.61 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 218.50 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 311.03 จุด

ราคาน้ำมันดิบและค่าเงินบาท

ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 พ.ค.) ปิด 66.08 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.2% ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 พ.ค.) อยู่ที่ 2.71 ดอลลาร์/บาร์เรล

เงินบาทเปิด 31.31 อ่อนค่าจากวานนี้หลังดอลล์แข็งรับเงินเฟ้อพุ่งหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย

 

TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ