หุ้นไทยวันนี้ (14 พ.ค.64) ปิดการซื้อขายที่ 1,549.48 จุด +1.35 จุด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หุ้นไทยวันนี้ (14 พ.ค.64) ปิดการซื้อขายที่ 1,549.48 จุด +1.35 จุด (+0.09%) มูลค่าการซื้อขาย 97,358.94 ล้านบาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในลักษณะพักฐาน คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่แกว่งทั้งแดนบวก-ลบ โดยเฉพาะตลาดกลุ่ม TIP ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่ตลาดยุโรปรีบาวด์ได้ราว 0.4% ยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเดิมทั้งความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่พุ่งขึ้น ทำให้วิตกการใช้นโยบายการเงินของสหรัฐฯอาจจะตึงขึ้น

แบงก์ชาติช่วยลูกหนี้ระยะ 3 ลดค่างวด ลดดอกเบี้ย คืนรถได้

ธอส.เพิ่ม 2 มาตรการช่วยกระทบโควิดระลอกใหม่ เลือกจ่ายเงินงวด ตัดต้น ตัดดอก

 

ส่วนบ้านเราบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศผลประกอบการเกือบครบแล้ว ต่อไปก็อาจจะมีการปรับลดประมาณการกลุ่ม Domestic plays จากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเผชิญแรงกดดันจาก MSCI ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยด้วย

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะมี Upside จำกัด รับผลจากการแพร่ระบาดโควิด019 และ MSCI ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย โดยให้แนวรับ 1,520-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,565-1,580 จุด

พร้อมให้จับตามาตรการคุมการแพร่ระบาดโควิด-29 โซนพื้นที่สีแดงเข้มที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า และติดตามผลประกอบการ บจ.ที่เหลือ ส่วนนอกประเทศให้ติดตามรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) วันที่ 27-28 เม.ย.ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันที่ 20 พ.ค.นี้

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

STGT มูลค่าการซื้อขาย 5,999.40 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,007.15 ล้านบาท ปิดที่ 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,845.98 ล้านบาท ปิดที่ 121.00 บาท ลดลง 1.50 บาท

SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 2,804.37 ล้านบาท ปิดที่ 71.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,403.46 ล้านบาท ปิดที่ 57.25 บาท ลดลง 0.75 บาท

หุ้นปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,547.08 จุด ลดลง 1.05 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขายราว 57,327 ล้านบาท

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบหลังยังไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนใหม่เข้ามาผลักดันให้ขึ้นไปได้ และยังมีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ทำให้ได้ไม่ไกล และตลาดฯก็ตอบรับปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งไปมากแล้ว จึงแกว่งซึมออกด้านข้างเพื่อรอปัจจัยใหม่ต่อไป

เช็กมาตรการ "ลดค่าไฟฟ้า" เยียวยาโควิด-19

อังกฤษติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 1 สัปดาห์

ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกมากกว่าลบ โดยตลาดในกลุ่ม TIP ติดลบจากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของแต่ละประเทศยังค่อนข้างหนัก แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะดี แต่หากการแพร่ระบาดโควิดยังไม่มีความแน่นอนก็ยังลำบากต่อการฟื้นตัว

พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวได้โดยพิจารณาจากงบฯที่ประกาศออกมาแล้ว ส่วนนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อไป โดยเฉพาะตัวเลขภาคแรงงาน

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งตัวในกรอบในลักษณะซึม ๆ โดยมีแนวรับ 1,535 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,560 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

STGT มูลค่าการซื้อขาย 4,357.70 ล้านบาท ปิดที่ 48.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,071.16 ล้านบาท ปิดที่ 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

SAWAD มูลค่าการซื้อขาย 1,811.43 ล้านบาท ปิดที่ 71.75 บาท ลดลง 2.25 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,690.81 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

TIDLOR มูลค่าการซื้อขาย 1,458.77 ล้านบาท ปิดที่ 40.75 บาท ลดลง 0.25 บาท

สถานการณ์เปิดการซื้อขาย เปิดการซื้อขาย +8.41 จุด ระดับ 1,556.54 จุด (+0.54%) มูลค่าราว 7,149.74 ล้านบาท  โดยระหว่างทางตลาดผันผวนพลิกกลับลงมากว่า 10 จุด 

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่ายังผันผวน แต่มีโอกาสรีบาวด์ได้ในกรอบจำกัดเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังยืดเยื้อ ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียทางแถบเอเชียเหนือ ทั้งตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นเกาหลีใต้เคลื่อนไหวในแดนบวก ส่วนตลาดหุ้นสิงคโปร์ติดลบ

หุ้นไทย (13 พ.ค.64) ร่วงหนักกว่า 70 จุด ก่อนกลับมาปิดที่ 1,548.13 จุด

อย.ไทยประกาศขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา

กางแผนที่โควิดกทม.22,474 ติดเชื้อ 11 เขตหนัก คลองเตยพุ่งอีก เปิดคลัสเตอร์ออฟฟิศสาทร -ลาดพร้าว

อย่างไรก็ตาม ตลาดผ่อนคลายขึ้นหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 34,000 ราย สู่ระดับ 473,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 พ.ค.ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 490,000 ราย

อย่างไรก็ดี ภาพ Fund Flow เป็นลบ จากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งขึ้น และ MSCI ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย รวมถึงกองทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างขาติได้ขายออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ วันนี้ให้ติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.และยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราติดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/64 ของไทยในสัปดาห์หน้า และรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของภาครัฐฯ

พร้อมให้แนวรับ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,562 จุด

ดาวโจนส์พลิกบวกกว่า 400 จุด ขานรับตัวเลขว่างงานสหรัฐลดลง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563 กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) ซึ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม

ราคาน้ำมันดิบร่วง 3%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังมีรายงานว่าท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังจากปิดทำการเป็นเวลาหลายวันเหนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 2.26 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 63.82 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ดิ่งลง 2.27 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 67.05 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP เศรษฐกิจ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ