นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงชี้แจงในเรื่องของ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 (พ.ร.ก.กู้เงินช่วยโควิด-19 ฉบับที่ 2) กรอบวงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท โดยเน้นไปที่การใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ 3 แผนงาน แต่กรณีที่จำเป็นสามารถปรับกรอบวงเงินภายใต้ 3 แผนงานได้เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์และเพื่อเข้าไปเสริมกับ พ.ร.ก.กู้เงินช่วยโควิด-19 ฉบับที่ 1 เมื่อปี 2563 จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท
ด่วน!ประกาศแล้ว พ.ร.ก.เงินกู้โควิด-19 เพิ่มอีก 5 แสนล้าน ใช้ได้ 3 เรื่อง เยียวยาประชาชนทุกอาชีพ
ลุยตรวจเชิงรุกแคมป์คนงาน 409 แห่งทั่วกรุง
แผนงานการใช้วงเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงินช่วยโควิด-19 ฉบับที่ 2
1. แผนงานเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายจ่ายเกี่ยวกับการแพทย์และสาธาณสุขเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19
2. เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 300,000 ล้านบาท
3.เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 170,000 ล้านบาท
นายอาคม กล่าวเสริมว่า จากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประมาณการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวอยู่ในช่วง 1.5-2.5% พ.ร.ก.กู้เงินช่วยโควิด-19 ฉบับที่ 2 อีก 5 แสนล้านบาทจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 64 และปี 65 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1.5%
จากการแพร่กระจายและรุนแรง รัฐบาลจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเตรียมงบประมาณเพิ่มเติมหรือเสริมเข้าไปกับ พ.ร.ก.กู้เงินช่วยโควิด-19 ฉบับที่ 1 เพื่อรองรับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ แต่แหล่งเงินงบประมาณที่นำมาใช้แก้ปัญหาก็มีจำกัดและไม่เพียงพอจากการระบาดระลอกใหม่นี้
ทั้งนี้กรอบวงเงิน พ.ร.ก.กู้เงินช่วยโควิด-19 ฉบับที่ 2 อีก 5 แสนล้านบาท นี้ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 64 และปี 65 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1.5% จากกรณีฐานของสภาพัฒน์
ต่างจากปีที่แล้วเศรษฐกิจคาดการณ์ไว้ ติดลบ -8% เมื่อมีมาตรการต่างๆมาช่วยเหลือภาคธุรกิจ เช่น เงินกู้ Soft Loan ทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบน้อยลงจาก -8% มาเป็น -6% ซึ่งในปีนี้และปีหน้าเมื่อมีเงินก้อนนี้มาในการดำเนินการต่างๆ ก็จะน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การกู้เงินครั้งนี้รัฐบาลมีการดำเนินการอย่างระมัดระวังไม่ให้เกินกรอบเพดานพนี้สาธารณะที่กำหนดไว้ โดยคาดการณ์ว่าเมื่อกู้เต็มวงเงินในเดือน ก.ย.64 หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะอยู่ที่ 58.56% ต่อจีดีพี
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 รัฐบาลได้ออก พ.ร.ก.เงินกู้ ไปแล้ว 1.9 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น การเยียวยาฟื้นฟูและด้านสาธารณสุขจำนวน 1 ล้านล้านบาท และอีก 9 แสนล้านบาทเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ
ส่วน พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วมีผลตั้งแต่วันนี้ (25 พ.ค.) โดยใจความสำคัญ เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่ยุติลง ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศ หรือออกตราสารหนี้ ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย มีมูลค่ารวมกันไม่เกิน 500,000 ล้านบาทโดยต้องลงนามในสัญญากู้เงิน หรือออกตราสารหนี้ ภายในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2564