ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมานับแต่มีการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจการบินทั่วโลก แต่เมื่อหลายประเทศได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง และเริ่มมีการเปิดพรมแดน ภาคการบินพาณิชย์บางแห่งก็เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว
โดย “สายการบินสกู๊ต” สายการบินราคาประหยัดภายใต้การบริหารของกลุ่มสิงคโปร์แอร์ไลน์ ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เตรียมพร้อมตัวเองรอการฟื้นตัวของธุรกิจการบิน
หนุ่มอดีตพนง.สายการบิน ฟุบจากโควิด สู้จนฟื้นจากสูตรเด็ดคุณแม่ ยอดขายปังสวนกระแส
1 ก.ค. การ์ตาแอร์เวย์ส ประเดิมเที่ยวบินแรก จาก กรุงโดฮา สู่ ภูเก็ต
ฉีดวัคซีนโควิด พนักงาน 7 สายการบิน ก่อนเปิดประเทศ ก.ค.นี้
จากการสำรวจตลาดการบินของหลายสำนักทั่วโลก ระบุว่า อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจะกลับมาเท่าระดับเดิมก่อนโควิด-19 ระบาดภายในปลายปี 2023 แต่บางภูมิภาคของโลกอาจฟื้นตัวเร็วกว่าส่วนอื่น เช่น ภูมิภาคเอเชีย
แคมป์เบล วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินสกู๊ต กล่าวว่า “แม้อนาคตยากจะคาดการณ์ แต่เรามั่นใจว่าอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวได้เร็ว ภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดการบินที่โตเร็วที่สุดทั้งในอดีตและอนาคต ... เมื่อมาตรการผ่อนคลาย ตลาดการบินจะกลับมาโต ความต้องการโดยสารเครื่องบินจะกลับมาแน่นอน”
ด้วยเหตุนี้ สายการบินนกสกู๊ตจึงเร่งเตรียมพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อที่เมื่อถึงเวลา พวกเขาจะสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
เตรียมพร้อมเส้นทางการบิน
เดิมสายการบินสกู๊ตได้ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด 68 จุดหมายปลายทางใน 15 ประเทศและเขตปกครอง แต่สถานการณ์โควิด-19 ในช่วงแรกทำให้ต้องลดหรือยกเลิกบางเส้นทาง สำหรับประเทศไทยเองก็มีถึง 6 ปลายทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เชียงใหม่ หาดใหญ่ กระบี่ และภูเก็ต
แต่ปัจจุบัน สกู๊ตมีเที่ยวบินเหลือเพียง 26 ปลายทาง หรือเกือบ 40% ของเส้นทางการบินทั้งหมด แต่ปลายทางประเทศไทยเหลือเพียงเส้นทางเดียว คือสิงคโปร์-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เท่านั้น เส้นทางตรงมาประเทศไทยอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างรอสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
สำหรับแผนเปิดภูเก็ต หรือ “ภูเก็ตแซนด์บบ็อกซ์” นั้น แคมป์เบลกล่าวว่า “ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยว แต่ในระยะแรกนี้ จะมีเพียงเที่ยวบินจากสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เท่านั้น ในอนาคตสกู๊ตอาจจะได้มีโอกาสบินในเส้นทางนี้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก”
แคมป์เบลยังเสริมว่า วางแผนว่าจะกลับมาบินในทุกเส้นทางอย่างแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับมาตรการและสถานการณ์โควิด-19 หลังจากนี้ โดยย้ำว่า ทุกปลายทางในประเทศไทยเป็นที่นิยมมาก และเชื่อว่าหลังโควิด-19 คลี่คลายก็จะยังคงได้รับความนิยมอยู่
เมื่อเส้นทางทั้งหมดกลับมาบินครบแล้ว สกู๊ตมีแผนจะเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินไปให้ถึงระดับเทียบเท่าหรือมากกว่าก่อนโควิด-19 ระบาด และอาจมีโอกาสในการเปิดเส้นทางอื่นจากสิงคโปร์มาประเทศไทย รวมถึงจากประเทศไทยไปที่อื่น ๆ ในอนาคต
สำหรับเส้นทาง สิงคโปร์-กรุงเทพฯ ในปัจจุบันของสกู๊ตนั้น มีทั้งหมด 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เป็นเส้นทางแรกที่กลับมาบินเนื่องจากเป็นเส้นทางที่ให้บริการมาเป็นเวลานาน เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญ
“เรากลับมาบินเส้นทางนี้ได้เกือบ 1 ปีแล้ว เราต้องการบริการให้ผู้ที่มีความจำเป็น ทั้งผู้ที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน หรือเดินทางด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และยังมีการขนส่งสินค้าด้วย ทำให้ตอนนี้เรามีเที่ยวบินสิงคโปร์-กรุงเทพฯ 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเรายังนำเครื่องบินรุ่นใหม่ “แอร์บัส A321neo” มาใช้ในเส้นทางสำคัญนี้ด้วย” แคมป์เบลกล่าว
เตรียมพร้อมเครื่องบินใหม่
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา สายการบินสกู๊ตได้ให้บริการเส้นทางสิงคโปร์-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ด้วยเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดเป็นเส้นทางแรก
แอร์บัส A321neo มีพิสัยการบินสูงสุดถึง 2,620 ไมล์ทะเล หรือ 4,852 กิโลเมตร ซึ่งมากกว่าเครื่องบินรุ่น A320neo ประมาณ 270 ไมล์ทะเล ทำให้สกู๊ตสามารถให้บริการในเส้นทางบินระยะสั้นถึงระยะกลางได้ ด้วยเวลาบินสูงสุดถึง 6 ชั่วโมง ซึ่งเทียบกับเครื่องบินรุ่นก่อนอย่าง A320 ที่มีรอบการบินอยู่ที่ 4-5 ชั่วโมง ทำให้สามารถรองรับแผนการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางบินใหม่ได้มากขึ้นในอนาคต
การที่เครื่องบินแอร์บัส A321neo สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 236 ที่นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่น A320neo ถึง 50 ที่นั่ง และยังประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่า ทำให้สกู๊ตสามารถบริหารความคุ้นทุนและควบคุมต้นทุนต่อหน่วยได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้สายการบินสามารถบริหารจัดการเครื่องบินให้สอดคล้องกับเส้นทางและความต้องการได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
สกู๊ตได้รับการส่งมอบเครื่องบิน A321neo แล้ว จำนวน 3 ลำ (ผ่านการเช่าแบบลีสซิ่งจาก BOC Aviation) จากจำนวนทั้งหมด 16 ลำ ซึ่งประกอบด้วย 6 ลำ ที่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อเดิมจาก A320neo มาเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ และเป็นเครื่องบินเช่าอีก 10 ลำ นอกจากนี้ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2020/2021 ที่ผ่านมา สกู๊ตได้ปลดประจำการเครื่องบิน A320ceo จำนวน 5 ลำ ตามแผนการปรับปรุงฝูงบิน
ฝูงบินที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันของสกู๊ต ประกอบด้วย เครื่องบินแบบมีช่องทางเดินเดียว จำนวน 29 ลำ ได้แก่ A320ceo 21 ลำ A320neo 5 ลำ และ A321neo 3 ลำ นอกจากนี้ ยังมี A320neo 28 ลำ และ A321neo อีก 13 ลำ ที่กำลังรอการส่งมอบ ส่วนเครื่องบินแบบลำตัวกว้างของสกู๊ตมีจำนวน 20 ลำ เป็นเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 787 ทั้งหมด และกำลังรอการส่งมอบเพิ่มอีก 7 ลำ โดยอายุเฉลี่ยของฝูงบินของสกู๊ตในขณะนี้อยู่ที่ 5 ปี 10 เดือน
การเตรียมพร้อมเครื่องบินโดยสารเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่นี้ ตอกย้ำการเตรียมความพร้อมของสายการบินสกู๊ต
เตรียมพร้อมมาตรการ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญนอกจากเส้นทางการบินและเครื่องบินแล้ว โควิด-19 ทำให้มาตรการด้านความสะอาดและสุขอนามัยกลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ในทุกแวดวงอุตสาหกรรม
สำหรับสกู๊ตเอง ได้ออกมาตรการในทุกขั้นตอน ทั้งก่อนเที่ยวบิน การเช็กอิน ระหว่างเที่ยวบิน และหลังเที่ยวบิน เพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจในความสะอาดและความปลอดภัยของการให้บริการ โดยมาตรการต่าง ๆ ประกอบด้วย
● การติดตั้งระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร ที่มีแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง มีประสิทธิภาพในการดักจับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น แบคทีเรียและไวรัส สูงถึง 99.98% และจะมีการปรับอากาศทุก ๆ 2-3 นาที (หรือ 20-30 ครั้งต่อชั่วโมง)
● ทุกพื้นผิวที่ได้รับการสัมผัสสูงภายในห้องโดยสารจะถูกเคลือบด้วยสารต้านหรือยับยั้งเชื้อจุลชีพที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และจะมีการเคลือบพื้นผิวใหม่ทุก ๆ เดือน
● จัดเตรียมชุดอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัย (Care Kit) ประกอบด้วย หน้ากากอนามัย เจลทำความสะอาดมือ และแผ่นแอลกอฮอล์ ไว้ล่วงหน้าทุกที่นั่งโดยสาร
● มีการตรวจอุณหภูมิก่อนขึ้นเครื่อง และผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิ 37.5 องศาเซเลียสขึ้นไป (หรือที่ถูกกำหนดไว้ตามกฎในแต่ละพื้นที่) จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่อง
● เน้นการเช็กอินแบบบริการตนเองมากขึ้น เพื่อลดการสัมผัส นอกจากนี้ยังมีการเช็คอินผ่านแชตบอต M.A.R.V.I.E. สำหรับเที่ยวบินที่ออกเดินทางจากสิงคโปร์อีกด้วย
● มีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยในบริเวณห้องพักผู้โดยสารหน้าทางออกขึ้นเครื่อง และจุดที่มีการต่อแถว ทั้งจุดเช็กอินและก่อนขึ้นเครื่อง
● โครงการดิจิทัล 2 โครงการใหม่ที่นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจร สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนเริ่มเดินทาง (PDT) และการยืนยันตัวตนระหว่างเช็กอินด้วยระบบดิจิทัลเพื่อความสะดวกสบายและประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อของลูกค้า
● ลูกเรือที่ปฏิบัติงานทั้งหมดจะได้รับการตรวจอุณหภูมิ และสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) อย่างเต็มรูปแบบตามมาตรฐานในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ลูกเรือทั้งหมดจะถูกจัดให้นั่งในพื้นที่ที่กำหนดบนเครื่องบิน ซึ่งห่างจากผู้โดยสารอย่างน้อย 2 เมตร และมีห้องน้ำแยก และลูกเรือยังต้องเข้ารับการทดสอบหาเชื้อเป็นประจำ
● มีการใช้มาตรการเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างขึ้นและลงจากเครื่องบิน และในขณะต่อแถวรอใช้ห้องน้ำ
● มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือให้บริการบนเครื่องสำหรับลูกค้าและลูกเรือ และมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อห้องน้ำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อชั่วโมง
● การบริการบนเครื่องบางอย่างจะถูกระงับชั่วคราวเพื่อลดการสัมผัสระหว่างลูกเรือและผู้โดยสาร เช่น การเพิ่มน้ำหนักสัมภาระขึ้นเครื่อง การอัปเกรดที่นั่ง และการสั่งซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเครื่อง
● ScootHub พอร์ทัลใหม่บนเที่ยวบินของสกู๊ต ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารบนเที่ยวบิน ให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มจากสกู๊ตคาเฟ่ ซื้อสินค้าปลอดภาษี และเข้าถึงบริการบนเครื่องอื่นๆ อย่าง เกม และคอนเทนต์ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทาง ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัส
นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารในกรณีที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ฉุกเฉินคอยรองรับ เช่น ลูกค้าสามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้ฟรี 1 ครั้ง สำหรับการจองทั้งหมดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงเดือน ก.ย. 2021 และลูกค้าที่เที่ยวบินถูกยกเลิกในช่วงเวลานี้สามารถขอคืนเงินได้ 2 วิธี คือ รับเงินคืน 100% ผ่านการชำระเงินด้วยระบบเดิม หรือเลือกรับบัตรกำนัลการเดินทางของสกู๊ตในมูลค่า 120% ของการจอง มีอายุ 24 เดือน
แต่ถ้าเดินทางไปถึงปลายทางแล้วปรากฏว่าประเทศปลายทางล็อกดาวน์กะทันหัน สกู๊ตจะมีประกัน Scootsurance ชดเชยให้ โดยครอบคลุมไปถึงค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในต่างประเทศที่เกี่ยวกับโรคระบาด การกักตัว และค่ารักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ ในปี 2021 นี้ สกู๊ตยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพในระดับ Diamond Standard จาก APEX Health Safety อีกด้วย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
มาตรการและการเตรียมพร้อมทั้งหมดนี้ มีขึ้นเพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจในความปลอดภัยของการใช้บริการสายการบินสกู๊ตนั่นเอง
ยังไม่มีใครบอกได้ว่า สถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายลงและทำให้อุตสาหกรรมการินกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไหร่ แต่หลายสายการบินก็เริ่มเตรียมความพร้อม และปรับตัวกันแล้ว เพื่อให้ในอนาคต พวกเขาพร้อมให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกคน