หลังที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ มีมติเคาะมาตรการล็อกดาวน์และขอความร่วมมืองดการเดินทางในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจะเป็นการยกระดับมาตรการคุมระบาดโควิดเป็นเวลา 14 วัน
ด้านธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ประกาศปรับเวลาเปิด-ปิดชั่วคราว ขานรับมติศบค.ที่ออกประกาศยกระดับควบคุมโควิด-19 ใน 10 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สาขาในห้างปิดไม่เกิน 17.00 น. ย้ำจะปิดสาขาทันทีหากพบพนักงานติดเชื้อ พร้อมแนะให้ใช้บริการผ่านตู้เอทีเอ็ม หรือ ทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้ง
ขนส่งสาธารณะขสมก.-บขส.รับลูกศบค.ประกาศปรับเวลาเดินรถใหม่
บีทีเอส-เอ็มอาร์ที แจ้งให้บริการถึง 21.00 น. ตามมาตรการ ศบค. เริ่ม 12 ก.ค.
สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารไทย ออกประกาศ ปรับเวลาเปิด-ปิด และวางมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สูงสุด ตามมมิที่ ศบค.
โดยสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และ สมาคมธนาคารไทย ยืนยันพร้อมให้บริการลูกค้าประชาชนอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับมาตรการรองรับการให้บริการแก่ลูกค้า ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ธนาคารอาจพิจารณาปิดให้บริการสาขาบางแห่งตามความจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดทั้ง 10 จังหวัด เป็นการชั่วคราว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม สมุทรปราการ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบสาขาที่ปิดให้บริการชั่วคราวได้ตามประกาศที่ทาง website ของแต่ละธนาคาร
2. กำหนดเวลาเปิดทำการสาขาทั้งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ดังนี้
สาขาในห้าง/สาขาที่เปิดให้บริการไม่เกิน 17.00 น. จะยังคงเปิดให้บริการเวลาไม่เกิน 17.00 น.
สาขาอื่น ๆ เปิดให้บริการเวลาไม่เกิน 15.30 น.
สาขาใน 3 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย ยะลา นราธิวาส และปัตตานี เปิดให้บริการเวลาไม่เกินเวลา 15.00 น.
3. จำกัดช่องให้บริการและจำนวนลูกค้าในสาขา เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคม และลดความแออัด
4. กรณีสาขามีพนักงานหรือลูกค้าติดเชื้อ ให้ปฏิบัติ ดังนี้
ให้แต่ละธนาคารปิดบริการสาขาที่มีผู้ติดเชื่อเป็นการชั่วคราว เพื่อทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อ และกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อดำเนินการเสร็จ
พนักงานที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ให้ตรวจหาเชื้อ/และกักตัวเองในที่พักทันที ตามระยะเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
จัดให้มีพนักงานปฏิบัติงานทดแทน และต้องเป็นพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องหรือสัมผัสเชื้อ
ทางธนาคารขอให้มั่นใจว่าธนาคารจะสามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติ โดยเฉพาะบริการหลักที่สำคัญ เช่น การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน การชำระเงิน และบริการสินเชื่อต่างๆได้ โดยลูกค้ายังคงใช้บริการที่สาขาธนาคาร และตู้เอทีเอ็ม ขณะเดียวกันยังสามารถใช้บริการสำคัญของธนาคารเพิ่มเติมที่ตู้อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ตู้ ATM ซึ่งธนาคารทุกแห่งได้เตรียมสำรองธนบัตรไว้อย่างเพียงพอ รวมถึงการให้บริการผ่าน Application Mobile Banking ของแต่ละธนาคาร เพื่อลดการเดินทาง ลดความเสี่ยง และ ลดการสัมผัสธนบัตร
ธนาคาร ทุกแห่งจะกลับมาให้บริการตามปกติโดยเร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง