บรรยากาศร้านค้าย่านถนนข้าวสารก่อนคลายล็อกในวันที่ 1 ก.ย.ยังคงเงียบเหงาจะสังเกตว่าทั้ง ร้านตัดผม ร้านอาหาร และร้านนวด เกือบทุกร้านยังคงปิดอยู่ไม่มีการผู้ประกอบการเข้ามาเตรียมความพร้อมการเปิดร้านในวันพรุ่งนี้
สาเหตุที่ยังเงียบเหงานั้น นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร บอกว่าเนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่เป็นร้านค้าแนวเอนเตอร์เทน และสถานบันเทิง ดังนั้นเมื่อยังไม่ปลดล็อกเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และให้นั่งดื่มที่ร้านได้ การจะเปิดส่วนที่เป็นร้านอาหารอย่างเดียวคงไม่คุ้มทุน
เปิดจุดตรวจโควิดพนักงานบริการรับคลายล็อก
เด็กเล็ก 0-5 ปี ติดเชื้อโควิด-19 สะสมกว่า 30,000 ราย
และเชื่อว่าผู้ประกอบการอื่นๆที่ไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บางส่วนก็ยังไม่กล้ากลับมาเปิดกิจการ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจริง เพราะการกลับมาเปิดร้าน ต้องมีต้นทุน แต่ที่ผ่านมาร้านค้าส่วนใหญ่แทบไม่มีรายได้แล้วรวมถึงการกลับมาเปิดกิจการต้องมีพนักงานแรงงาน ซึ่งพนักงานบางส่วนก็เดินทางกลับภูมิลำเนากันไปหมดแล้ว หมายความว่า หากภาคธุรกิจยังไม่มั่นใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นจริง การคลายล็อกดาวน์ ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ก็จะยังไม่คึกคัก จึงมองว่าผู้ประกอบการถนนข้าวสาร ก็คงไม่ได้รับอานิสงส์จากการคลายล็อกรอบนี้
นายสง่า ยังระบุว่า หากในอนาคต ศบค.ปลดล็อกให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนั่งดื่มที่ร้านได้ ก็ไม่มั่นใจว่า ถนนข้าวสารจะมีผู้ประกอบการและร้านค้าแผงลอยกลับมาเหมือนเดิม เพราะเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาร้านค้าในย่านนี้ไม่มีกระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียน เนื่องจากขาดลูกค้าหลักคือชาวต่างชาติ
ส่วนเงื่อนไขที่ ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการและพนักงานตรวจ Antigen test kit หรือ ATK ในทุกสัปดาห์ นายสง่า มองว่าในมุมนโยบายถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ทางปฎิบัติ ผู้ประกอบการต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้ภาครัฐนำ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด ที่เพิ่งจัดซื้อ นำมากระจายให้ผู้ประกอบการที่กำลังจะได้รับการคลายล็อก เพื่อให้นโยบายทุกส่วนสอดรับกัน และลดภาระให้กับประชาชน