เป็นเวลา 10 ปีแล้ว ที่ชาวไทยได้ทำความรู้จักกับสินค้าและปรัชญา “ไลฟแวร์ (Lifewear)” ของแบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกจากญี่ปุ่น “ยูนิโคล่ (Uniqlo)” ซึ่งตั้งเป้าตอบโจทย์และยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ซึ่งแม้ในสถานการณ์ที่การระบาดของโรคโควิด-19 อาจส่งผลต่อหลายธุรกิจ แต่นโยบายที่พร้อมปรับตัวรับทุกความท้าทาย ก็ทำให้ยูนิโคล่ประเทศไทยยังยืนหยัดอยู่ได้
ให้ “อินบ็อกซ์” ถามราคา พ่อค้า-แม่ค้า มีความผิด
"น้ำท่วม 64 " ประเมินความเสียหาย กว่า 15,000 ล้านบาท
“ปรับโครงสร้างภาษียาสูบใหม่” มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค. 2564
คุณโอกุริ โทโมโยชิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยูนิโคล่ประจำประเทศไทยในช่วงล็อกดาวน์ จำต้องปิดบางสาขาไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่นิ่งนอนใจ ร้านที่กลับมาเปิดก็มีมาตรการตรวจวัดอุณหภูมิ พนักงานสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันใบหน้า พร้อมบริหารร้านให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด
“วิถีชีวิตลูกค้าในช่วงโควิด-19 ต้องอยู่บ้านมากขึ้น บางคนต้อง Work From Home ทำให้มีการขายสินค้าที่เจาะกลุ่มนี้มากขึ้น ... ต้องยอมรับว่าพอมีโควิด-19 ลูกค้าก็หันมาซื้อสินค้าอยู่บ้านมากขึ้น ส่วนสินค้าเสื้อผ้ากลุ่มออฟฟิศลดลง ความต้องการซื้อสินค้ากลุ่มแจ็กเก็ต สมาร์ทเชิ้ต ก็จะลดลงระดับหนึ่ง ที่เพิ่มขึ้นเพราะก็จะเป็นเสื้อเชิ้ต เลานจ์แวร์ (ชุดลำลอง) อินเนอร์แวร์ (ชุดชั้นใน)” คุณโอกุริกล่าว
ขณะเดียวกัน ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ชาวไทยไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้ ทำให้ในสายตาคนนอก สินค้ากลุ่มเสื้อกันหนาวดูจะตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
คุณโอกุริบอกว่า “ถ้าเป็นช่วงก่อนโควิด-19 ลูกค้าจะซื้อเสื้อผ้ากลุ่มเสื้อกันหนาวเพื่อไปเที่ยวต่างประเทศ พอมีโควิด-19 ทำให้ชาวไทยเดินทางไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความต้องการก็ไม่ได้ลดลงมากถึงขนาดนั้น บางคนแม้ไม่ได้เดินทางไปต่างปประเทศ ก็ยังสามารถเดินทางไปยังภาคเหนือของไทยซึ่งเริ่มหนาวขึ้นได้อยู่ ลูกค้าก็ยังซื้อเพื่อเดินทางในประเทศอยู่”
เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ในสถานการณ์ที่นับว่าเป็นวิกฤตกับภาคธุรกิจ ยูนิโคล่ประเทศกลับยังยืนหยัดอยู่ได้ ทั้งนี้มีความเกี่ยวพันลึกซึ้งกับสโลแกนและปรัชญาไลฟ์แวร์ของยูนิโคล่ คือ “ให้คนไทยสวมใส่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” เพราะการจะให้คนไทยได้สวมใส่สิ่งที่จะยกระดับคุณภาพชีวิต ยูนิโคล่จะต้องคอยปรับตัวอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
“ต้องยอมรับว่า 10 ปีที่ผ่านมา สินค้ายูนิโคล่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ถามว่ามีโควิด-19 แล้วลำบากมั้ย ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ขนาดนั้น ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาเราต้องวิวัฒนาการตัวเองอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เราท้าทายสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เราพยายามตอบสนองความต้องการลูกค้าตลอดเวลา ดังนั้นจึงมีวิวัฒนาการในเรื่องเสื้อผ้า และเรื่องการดำเนินธุรกิจไม่หยุดยั้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา” คุณโอกุริกล่าว
ด้วยนโยบายและมายด์เซตที่พร้อมปรับตัวตลอดเวลาเพื่อส่งมอบสินค้าเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การใช้ชีวิต ทำให้ยูนิโคล่ประเทศไทย มีคุณสมบัติของ “ผู้อยู่รอด” ตามทฤษฎีการวิวัฒนาการของ ชาร์ลส ดาร์วิน ที่ว่า “ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะอยู่รอด ไม่ใช่ผู้ที่ฉลาดที่สุดที่จะอยู่รอด แต่เป็นผู้ที่ปรับตัวได้ดีที่สุดที่จะอยู่รอด”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุผลการดำเนินงานของยูนิโคล่ (ประเทศไทย) ดังนี้
ปี 2561 รายได้ 10,168 ล้านบาท กำไร 1,971 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 12,237 ล้านบาท กำไร 2,424 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 10,606 ล้านบาท กำไร 2,007 ล้านบาท
นอกจากไลน์อัปสินค้าที่มีความพร้อสรรพพร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์แล้ว ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ยูนิโคล่ประเทศไทยยังได้มีการนำแพลตฟอร์มออนไลน์มาใช้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับสถานการณ์ที่ทุกคนต้งอยู่แต่ในบ้านและซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น
“สำหรับพฤติกรรมลูกค้าผ่านทางออนไลน์ พอมีโควิด-19 ความต้องการหรือพฤติกรรมเปลี่ยนค่อนข้างมาก เรามีความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น จึงเร่งพัฒนาแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ให้ทันสมัยทันความต้องการ รวมทั้งลูกค้าสามารถตรวจเช็กสต็อกสินค้าของเรา ใช้มือถือดูสต็อกสินค้าในแต่ละร้านได้ ... พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปมาก เราจะเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด ให้ทันความต้องการลูกค้าให้ได้มากที่สุด” คุณโอกุริกล่าว
ส่วนโมเดลธุรกิจแบบอื่น ๆ เช่น การเปิดร้านกาแฟไว้ภายในร้านอย่างที่มีในประเทศญี่ปุ่นนั้น คุณโอกุริบอกว่า อาจเป็นความเป็นไปได้ในอนาคต แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน
คุณโอกุริบอกว่า “ณ ตอนนี้เราอยากมุ่งเน้นไปที่การผลิตส่งมอบเสื้อผ้าให้กับผู้คนก่อน แต่ในเรื่องธุรกิจแบบที่ญี่ปุ่น อย่างที่สาขากินซ่ามีโมเดลอื่น เช่น ยูนิโคล่คอฟฟี่ (ขายกาแฟ) ยูนิโคล่ฟลาวเวอร์ (ขายดอกไม้) ได้รับการตอบรับที่ดีในญี่ปุ่น ส่วนในไทยจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีโมเดลธุรกิจอื่น แต่จะเน้นเผยแพร่เสื้อผ้าก่อน โมเดลอื่นถ้ามีโอกาสก็จะลองทำด้วยเช่นกัน”
สำหรับแผนการในอนาคต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการบอกว่า ยูนิโคล่ประเทศไทยจะพยายามส่งมอบไลฟแวร์ให้คนไทยมีโอกาสสวมใส่มากขึ้น โดยทราบดีว่าโลกหลังจากนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ความต้องการเสื้อผ้าของผู้คนจะเปลี่ยนตามยุคสมัย ยูนิโคล่ก็จะพัฒนาสินค้าให้ทันความต้องการ มีสินค้าที่ตอบโจทย์ได้ในทุกยุคสมัย
“เพื่อส่งมอบไลฟ์แวร์ เราจำเป็นต้องมีสาขามากขึ้น เราให้ความสำคัญกับการเปิดร้านในห้างนอกห้างเท่ากัน การเปิดในห้างเนื่องจากเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จากนี้การขยายเปิดสาขาในห้างก็ทำได้แน่ ส่วนร้านที่เป็นโรดไซด์ (ร้านที่ติดถนนไม่ได้อยู่ในห้างใด) ก็เป็นความท้าทาย ว่าจะไปที่ชุมชนไหน ต้องทำการตลาดตรงนี้ก่อน พอสำรวจก็จะทำร้านไปเปิดได้สำเร็จแน่นอน” คุณโอกุริบอก
ปัจจุบัน ยูนิโคล่มี 54 สาขาใน 19 จังหวัดทั่วประเทศไทย สาขาล่าสุดคือ ยูนิโคล่ นครศรีธรรมราช และในปีนี้มีแผนที่จะขยายสาขาใหม่คือ ยูนิโคล่ เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา และยูนิโคล่ เซ็นทรัล อยุธยา อีกด้วย
ส่วนสาขาที่เป็นโรดไซด์มี 6 สาขา ได้แก่ พัฒนาการ ลาซาล บุญภาวร อินเด็กซ์ชัยพฤกษ์ มีนบุรี และนวมินทร์
“คอนเซ็ปต์สาขาโรดไซด์คือสร้างสาขาให้กับชุมชนที่ไม่มีร้าน โดยผลตอบรับออกมาดี ชุมชนนั้น ๆ ก็มีตัวเลือกในการซื้อสินค้า ปัจจุบันที่ยังมีโควิด-19 อยู่ ก็มีกิจกรรมไดรฟ์ทรู เว้นระยะห่าง ชำระและซื้อหาสินค้าได้โดยไม่ต้องเข้าร้าน เพียงขับรถมารับเท่านั้น” คุณโอกุริกล่าว
และเมื่อเข้าใกล้ช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวเฉลิมฉลอง ประกอบกับสถานการณ์ในประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายอย่างนี้ ยูนิโคล่ก็มองว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะมีแคมเปญพิเศษ
คุณเขมจิรา เทศประทีป ผู้อำนวยการการตลาดและประชาสัมพันธ์ ระบุว่า “ในช่วงไตรมาส 4 ที่กำลังจะมาถึงนี้ มองว่าเป็นช่วงที่สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย คนปรับตัวออกมาใช้ชีวิต ... ถือเป็นโอกาสดี ในวาระครบรอบ 10 ปี ประจวบกับตลาดที่เริ่มผ่อนคลาย เราจึงอยากตอบแทนคนไทย ด้วยสินค้าสุดพิเศษ”
ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้เตรียมเซอร์ไพรส์ขอบคุณชาวไทยเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี ยูนิโคล่ ประเทศไทย ไว้มากมาย ดังนี้
- เสื้อยืด UT คอลเลกชัน Mickey Mouse in Thailand มีจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทย เป็นการจับมือกับดิสนีย์ นำคาแรกเตอร์ยอดฮิตมาใส่ความเป็นไทยลงไปอย่างเต็มตัวไม่ว่าจะเป็นการไหว้ หรือมวยไทย
- Thank You Card – การ์ดแทนคำขอบคุณนี้เป็นวัฒนธรรมองค์กรของทางยูนิโคล่ที่ใช้ขอบคุณกันภายในบริษัท
- รับเครื่องดื่มที่ All Café ฟรี 20,000 แก้ว สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าครบ 1,500 บาท ขึ้นไป และเป็นสมาชิกของยูนิโคล่
นับตั้งแต่ยูนิโคล่ประเทศไทยสาขาแรก ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการในเดือน ก.ย. 2554 ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชาวไทยมาตลอดตั้งแต่วันแรก โดยยูนิโคล่ ประเทศไทย เป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ตามลำดับ
ตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ยูนิโคล่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา และเพื่อช่วยให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากยูนิโคล่
ภาพจาก Uniqlo Thailand
