หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนัก เตือนพื้นที่เสี่ยงระวังน้ำท่วม
มติ กบง.ใช้เงินกองทุนกดราคาดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,308.55 ล้านบาท ปิดที่ 137.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,964.67 ล้านบาท ปิดที่ 62.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,753.05 ล้านบาท ปิดที่ 43.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,492.93 ล้านบาท ปิดที่ 13.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,178.32 ล้านบาท ปิดที่ 116.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
หุ้นไทยวันนี้ (4 ต.ค.64) ปิดครึ่งเช้า +14.40 จุด ที่ระดับ 1,619.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,608.48 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
เจาะสาเหตุ "ราคาน้ำมันในประเทศ" พุ่งไม่หยุด
จับตา คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ตรึงราคาน้ำมันดีเซล
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,239.77 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,186.01 ล้านบาท ปิดที่ 43.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,959.53 ล้านบาท ปิดที่ 13.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,272.40 ล้านบาท ปิดที่ 3.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,244.98 ล้านบาท ปิดที่ 134.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดในเอเชียเหนือต่างปรับตัวลงกันหลังขึ้นไปมากแล้ว ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็รอดูนโยบายของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป หลังจากตลาดหุ้นฮ่องกงสั่งระงับการซื้อขายในวันนี้ เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระหนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่คลายตัวลงตามลำดับ และยาต้านโควิดตัวใหม่ของ "เมอร์ค แอนด์ โค" ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ที่เตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาตัวใหม่ โมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ในกรณีฉุกเฉิน หลังการทดลองทางคลินิกได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ทำให้บรรยากาศการลงทุนสดใส และทำให้หุ้นในกลุ่ม Reopening ปรับตัวขึ้นเด่นวันนี้ อย่างหุ้น AOT, MINT เป็นต้น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน และราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้น ก็มาช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวตัวขึ้นได้ด้วย อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามความคืบหน้าจากศบค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ และการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐพล กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยตลาดหุ้นเกาหลี และจีนที่ปิดทำการ ตามตลาดสหรัฐฯ
สธ. ฉีดไฟเซอร์นักเรียนเริ่มวันนี้ - ด.ช.รับเข็มเดียวก่อน
วิธีใช้สิทธิ คนละครึ่งเฟส 3 กด สั่งอาหารออนไลน์-จ่ายเงินผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ บนแอปฯเป๋าตัง
หลังจากที่มีความหวังในยาตัวใหม่ของ "เมอร์ค แอนด์ โค" ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ที่เตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA)
เพื่อขออนุมัติการใช้ยาตัวใหม่ โมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ในกรณีฉุกเฉิน หลังการทดลองทางคลินิกได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ซึ่งช่วยหนุนภาพของการฟื้นตัว
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯได้ชะลงตัวมาอยู่ที่ 1.46% จากก่อนหน้านี้ทะลุ 1.5% ทำให้เป็นผลดีต่อการลงทุน
ส่วนปัจจัยในประเทศมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง ยอดผู้เสียชีวิตลงต่ำกว่า 100 รายต่อวัน และราคาน้ำมันดิบก็ยังปรับตัวขึ้นด้วย อีกทั้งราคาพลังงานตอนนี้ถือว่าแพงมาก โดยราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างบวกต่อเนื่อง ทำให้หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะได้รับผลดีไปด้วย
อย่างไรก็ดี ให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาในวันศุกร์นี้
พร้อมให้แนวรับ 1,592-1,593 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610-1,620 จุด
ราคาน้ำมันโลก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (1 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสในวันจันทร์ที่ 4 ต.ค. และตลาดได้ปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนพ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 75.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 และปรับตัวขึ้น 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 79.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นเกือบ 2.7% ในรอบสัปดาห์นี้