หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
"สุพัฒนพงษ์" ยังไม่รับสัญญาณปรับออกจากครม.ขอทำงานอย่างเต็มที่
ความสูญเสียของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หลังโลกป่วน เฟซบุ๊กล่ม 6 ชั่วโมง
SVT มูลค่าการซื้อขาย 4,965.35 ล้านบาท ปิดที่ 3.76 บาท เพิ่มขึ้น 1.22 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,798.10 ล้านบาท ปิดที่ 64.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,604.27 ล้านบาท ปิดที่ 137.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,837.11 ล้านบาท ปิดที่ 4.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,721.50 ล้านบาท ปิดที่ 13.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามดาวโจนส์ เนื่องจากตลาดบ้านเราได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ขึ้นมาทะลุ 80 เหรียญฯ/บาร์เรล แล้ว และมีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อเนื่อง จากจีนที่ยังขาดแคลนพลังงานอยู่ ทำให้นักเก็งกำไรหันมาเล่นน้ำมันกัน โดยเก็งว่าจีนจะต้องนำเข้าพลังงาน อีกทั้งเงินเฟ้อทั้งในยุโรป และสหรัฐฯปรับตัวขึ้นก็จากการเข้าไปเล่นเก็งราคาน้ำมัน
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มอีกหรือไม่ ส่วนนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯในวันพุธนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบ โดยมีแนวรับ 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,627 จุด
หุ้นไทย (5 ต.ค.64) เช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงแต่ไม่แรงมาก ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกาหลี และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่เช้านี้เปิดเทรดมาก็ติดลบราว 2% ตามตลาดยุโรป และตลาดสหรัฐฯ
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงแต่ไม่แรงมาก ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นเกาหลี และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่เช้านี้เปิดเทรดมาก็ติดลบราว 2% ตามตลาดยุโรป และตลาดสหรัฐฯ
ราคาทองวันนี้ – 5 ต.ค. 64 ปรับราคา 6 ครั้ง รูปพรรณบาทละ 28,600
เฟซบุ๊ก-อินสตาแกรม ล่มทั่วโลก นานกว่า 6 ชั่วโมง
จากความกังวลสภาคองเกรสยังไม่สามารถที่จะบรรลุข้อตกลงในเรื่องเพดานหนี้ได้ ทางเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) เตือนว่า
ตลาดการเงินอาจได้รับผลกระทบรุนแรงหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ และอาจทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ D ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield)อายุ 10 ปี ของสหรัฐฯพุ่งขึ้น กระทบต่อต้นทุนการออกพันธบัตรใหม่ของกิจการที่จะสูงขึ้น
ทั้งนี้ วันนี้ Bond yield สหรัฐฯ ได้กลับมาปรับตัวขึ้นเป็น 1.47% ทำให้เกิดแรงขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก แต่มองว่า Bond yield ที่ขึ้นเป็นผลดีต่อกลุ่มธนาคาร และตลาดบ้านเรายังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 2.3% สูงสุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่เดือนวันที่ 11 พ.ย. 2557 หลังจากที่ผลประชุมกลุ่มโอเปกพลัสไดี้มีมติเพิ่มกำลังการผลิตแค่ 4 แสนบาร์เรลต่อัน ตามที่คาดการณ์ไว้ น่าจะหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มโรงกลั่น
นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ก็ต่ำกว่าระดับหมื่นรายต่อวัน ซึ่งดีต่อหุ้นในกลุ่ม Domestic play ที่จะมาช่วยค้ำดัชนีฯไว้ อีกทั้งเช้านี้เงินบาทอ่อนค่าก็จะน่าส่งผลดีต่อกลุ่มส่งออก แต่ก็ไม่ดีต่อ Fund Flow เท่าไร
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีเส้นตายในวันที่ 18 ต.ค.นี้ และติตามการทยอยประกาศผลประกอบการางวดไตรมาส 3/64 ที่จะออกมา หล้งจากที่ AEONTS ประกาศออกมาแล้วต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้พอควร รวมถึงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อไป และมาตรการของภาครัฐฯที่จะออกมาด้วย รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่จะออกมาในวันศุกร์นี้